คลังถกรับถือสหรัฐขึ้นภาษี – จ่อคุยแบงก์ชาติ กด ‘ดบ.นโยบาย’ สอดรับเศรษฐกิจไทย
“เผ่าภูมิ” แจงคลังอยู่ระหว่างหารือภายใน รับมือ “ปธน.ทรัมป์” ประกาศขึ้นภาษี ย้ำ! เป็นสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน แต่ไม่ใช่ความเสี่ยง ระบุ! หากเตรียมการรับมือดี อาจเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้ ยันรัฐบาลยังรักษาโมเมนตัมเศรษฐกิจได้ดี อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบต่อเนื่อง
มั่นใจตัวเลขเศรษฐกิจที่จะดียิ่งขึ้น เตรียมนัดถกแบงก์ชาติหารือปมดอกเบี้ยนโยบาย ชี้! ควรสอดรับกับเศรษฐกิจ และไม่ทำค่าเงินบาทฉวัดเฉวียน ส่วนตลาดหุ้นดิ่งต่อเนื่อง ไม่เกี่ยวนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นนโยบายรัฐ แนะให้ดูระยะยาวอิงปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทย
นายเผ่าภูมิ โรจน์สกุล รมช.คลัง เปิดเผยกรณีที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เริ่มประกาศจัดเก็บเพิ่มอัตราภาษีนำเข้ากับหลายๆ ประเทศ ว่า ในส่วนของกระทรวงการคลังได้มีการหารือร่วมกันเกี่ยวกับมาตรการในการส่งเสริมและรับมือกับผลกระทบต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะได้ชี้แจงอย่างเป็นทางการต่อไป อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในวันนี้ยังไม่ถือเป็นความเสี่ยง เพียงแต่เป็นสถานการณ์ของความไม่แน่นอน หากเราเตรียมการรับมือดี ก็อาจได้รับผลที่ดี ซึ่งกระทรวงการคลัง จะต้องหารือและทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับเรื่องการส่งออก
ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมจะรับมือกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากความเชื่อมั่นเป็นสิ่งสำคัญ และรัฐบาลพร้อมที่จะรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจของไทยถือว่าออกมาดี และจะดีอย่างต่อเนื่อง เพราะรัฐบาลมีกลไกต่างๆ ในการดูแลโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ โดยช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้กระจายเม็ดเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการ (โครงการแจกเงินหมื่นเฟสแรก) ตามมาด้วยโครงการ Easy e-Receive และโครงการแจกเงินให้กับผู้สูงอายุ (โครงการแจกเงินหมื่นเฟสสอง) นอกจากนี้ ในช่วงโลว์ซีซั่น ก็เตรียมจะกระจายเม็ดเงิน (โครงการแจกเงินหมื่นเฟสสาม) ตามมาอีกระลอก ซึ่งทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
“แม้ตัวเลขในภาพรวมถือว่าดี แต่ยังมีเรื่องที่จะต้องดูแล โดยเฉพาะภาคการผลิตต่างๆ ซึ่งรัฐบาลจะต้องเอาจริงเอาจังให้มากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของการให้สินเชื่อกับผู้ประกอบการในกลุ่มนี้ ธนาคารของรัฐทำได้ดีแล้ว แต่กับธนาคารพาณิชย์ จะต้องหารือเพื่อสร้างความร่วมมือในการกระจายเม็ดเงินไปถึงผู้ประกอบการ รวมถึงภาคประชาชนต่อไป” รมช.คลัง ระบุ
ส่วนคำถามที่ว่า ขณะนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตกลงอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะนักลงทุนไม่เชื่อมั่นในนโยบายของรัฐบาลหรือไม่? นายเผ่าภูมิ ย้ำว่า ไม่อยากให้ดูแค่การแปรผันของราคาหุ้นในระยะสั้นๆ เพราะมันไม่สะท้อนอะไรมากนัก แต่ควรจะดูทิศทางในระยะยาวว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยเป็นอย่างไร? ทั้งนี้ ถือเป็นเรื่องปกติที่ราคาหุ้นจะฉวัดเฉวียนในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้ว ราคาหุ้นจะปรับตัวไปตามทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งตนมั่นใจว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยดีพอ เห็นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่ปรากฏออกมาและมีทิศทางในขาขึ้น ถือภาพรวมเศรษฐกิจไทยดีกว่าช่วงที่ผ่านมา
รมช.คลัง กล่าวถึงการปฏิเสธสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกำลังซื้อของประชาชนที่หดตัวในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะธนาคารพาณิชย์ได้พิจารณาจากศักยภาพของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สูง จึงถูกปฏิเสธการให้สินเชื่อซื้อรถยนต์ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยได้สะท้อนปัจจัยอื่นๆ ตามมาอย่างมากมาย และกระทรวงการคลังก็ไม่ได้ดูแลในเรื่องนี้โดยตรง แต่ก็จะต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยสอดคล้องไปกับค่าเงินบาท ซึ่งจะต้องอยู่ในระดับที่เสถียรภาพ ทั้งนี้ สิ่งที่กระทรวงการคลังและรัฐบาลอยากเห็นมากที่สุด คือ ค่าเงินบาทจะต้องไม่ฉวัดเฉวียนมากเกินไป และต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการแข่งขันได้
ในส่วนของการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น กระทรวงการคลังเตรียมจะหารือกับ ธปท. เพื่อทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันด้านการส่งออกให้ได้ดีกว่านี้ ทั้งนี้ รัฐบาลอยากเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจให้มากกว่านี้ โดยหากทุกฝ่ายช่วยกันคนละเล็กคนละน้อย ตนเชื่อมั่นว่าจะมีส่วนช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศดียิ่งขึ้น.