สศค.ชี้! โควิดฯเริ่มคลาย หนุนธุรกรรมดันเศรษฐกิจไทยดีขึ้น

ทีมโฆษกสศค.แจง! เศรษฐกิจไทย ต.ค.ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน เหตุสถานการณ์โควิดฯเริ่มบรรเทา หนุนกิจกรรมธุรกิจขยายตัว ชี้! การท่องเที่ยวภายในประเทศ และการลงทุนภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น แถมการส่งออกสินค้ายังคงขยายตัว ได้ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 

นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะ โฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง พร้อมด้วย นายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค แถลงรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนตุลาคม 2564 พบว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนตุลาคม 2564 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากสถานการณ์ 

การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่มีเเนวโน้มดีขึ้น ทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวภายในประเทศ และการลงทุนภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้การส่งออกสินค้ายังคงขยายตัวได้ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8″ โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้ 

เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยการบริโภคสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนตุลาคม 2564 หดตัวในอัตราชะลอลงที่ร้อยละ -9.0 ต่อปี และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ 1.4 สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 43.9 จากระดับ 41.4 ในเดือนกันยายน 2564 โดยเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ปรับตัวดีขึ้น ทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น ประชาชนและภาคธุรกิจมีการจับจ่าย ใช้สอยเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกันกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ขยายตัวที่ร้อยละ 10.6 ต่อปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้นตามมูลค่าการนำเข้าสินค้า อย่างไรก็ดี ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งยังคงลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -11.2 ต่อปี และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -7.0  และรายได้เกษตรกรที่แท้จริงลดลงที่ร้อยละ -10.2 ต่อปี

เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนตุลาคม 2564 ขยายตัวที่ร้อยละ 21.8 ต่อปี และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 0.9 สอดคล้องกับการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ หดตัวในอัตราชะลอลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -13.8 ต่อปี และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 9.0 สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนตุลาคม 2564 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 2.4 ต่อปี และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 1.0 ขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ลดลงที่ร้อยละ -7.2 ต่อปี และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -0.3 

มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนตุลาคม 2564 อยู่ที่ 22,738.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 ที่ร้อยละ 17.4 ต่อปี และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัวร้อยละ 12.2 ต่อปี  โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ 1) สินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะ ยางพารา ข้าว และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ที่ขยายตัวร้อยละ 51.7 33.7 และ 29.5 ต่อปี ตามลำดับ 2) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ภายในบ้าน อาทิ เตาอบไมโครเวฟ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 

3) สินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ที่ยังคงมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง  4) สินค้าขั้นกลางหรือสินค้าวัตถุดิบ เช่น เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และ 5) สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยังคงขยายตัวที่ร้อยละ 10.3 ต่อปี  

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า การส่งออกไปยังตลาดคู่ค้าหลักของไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดหลัก ได้แก่ อินเดีย อาเซียน-5 เกาหลีใต้ สหรัฐฯ และจีน ที่ขยายตัวที่ร้อยละ 58.3 39.7 30.6 16.1 และ 14.1 ต่อปี ตามลำดับ 

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน ส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดย ภาคเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนตุลาคม 2564 ขยายตัวที่ร้อยละ 0.9 ต่อปี จากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตสำคัญ ได้แก่ ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน อย่างไรก็ดี หากเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลลดลงที่ร้อยละ -0.7 สำหรับ 

ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 82.1 จากระดับ 79.0 ในเดือนกันยายน 2564 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีทิศทางดีขึ้น รวมถึงภาคการผลิตขยายตัวจากอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น 

ส่วน บริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนตุลาคม 2564 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทพิเศษ นักท่องเที่ยวกลุ่มสิทธิพิเศษ (Thailand Privilege Card) นักธุรกิจ กลุ่มสุขภาพที่เข้ามารับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทยรวม จำนวน 20,272 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากเยอรมนี สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส สำหรับจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนตุลาคม 2564 อยู่ที่ 4,596,227 คน หรือคิดเป็นการหดตัวในอัตราชะลอลงที่ร้อยละ -66.5 ต่อปี และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า 

หลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 69.0  

เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนตุลาคม 2564 อยู่ที่ร้อยละ 2.38 ต่อปี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.21 ต่อปี ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 อยู่ที่ร้อยละ 58.2 ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561

สำหรับ เสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2564 อยู่ในระดับสูงที่ 246.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password