พีระพันธุ์ – ชัชชาติ – กระทรวงทรัพย์ฯ ดึง ค่ายรถ ผู้ค้าน้ำมัน ลดฝุ่น PM2.5
พีระพันธุ์ จับมือ ชัชชาติ ร่วมกับกระทรวงทรัพย์ฯ และ สภาอุตฯ ดึงค่ายรถยนต์และผู้ค้าน้ำมัน จัดโปรโมชั่นลดค่าบริการตรวจสอบสภาพรถ เปลี่ยนไส้กรองอากาศ ไส้กรองน้ำมัน ฯลฯ คาดสามารถลดฝุ่น PM2.5 โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครและหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ
วันนี้ (18 ธันวาคม 2566) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และตัวแทนจากค่ายรถยนต์และผู้ค้าน้ำมัน ร่วมกันแถลงข่าวความร่วมมือเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จากยานยนต์ โดยนายพีระพันธุ์ได้กล่าวถึงข้อกังวัลเกี่ยวกับปัญหาและแนวทางในการบรรเทาปัญหา PM2.5 จากกระทรวงพลังงาน ซึ่งจากข้อมูลของ Greenpeace พบว่าปัญหา PM2.5 ได้ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจทั่วโลกกว่า 70 ล้านล้านบาท
โดยแหล่งที่มาของฝุ่น PM2.5 มาจากการเผาในที่โล่ง 54% ภาคอุตสาหกรรม 17% ภาคขนส่ง 13% ภาคการผลิตไฟฟ้า 8% และอื่นๆ 8% แต่หากตรวจสอบเฉพาะในเขตเมืองจะพบว่าฝุ่น PM2.5 จะเกิดจากภาคขนส่งมากถึง 72% โดยรถบรรทุกพบมากที่สุดที่ 28% รถกระบะ 21% รถยนต์นั่ง 10% รถประจำทาง 7% รถมอเตอร์ไซค์ 5% และรถตู้ 1%
กระทรวงพลังงานจึงได้กำหนดนโยบาย 3C เพื่อลมหายใจที่ดีกว่าเดิม ประกอบด้วย
Clean ยกระดับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงสู่ Euro5
Care ส่งเสริมการเข้าศูนย์บริการเพื่อดูแลเครื่องยนต์
Change สนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า
ซึ่งในส่วนของการยกระดับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงสู่ Euro5 กระทรวงพลังงานได้วางแผนอย่างต่อเนื่อง โดยได้ประสานกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อปรับคุณภาพน้ำมันจาก Euro4 ไป Euro5 ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่เริ่มใช้ในหลายๆ ประเทศแล้ว และประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกๆในกลุ่มอาเซียนที่ใช้น้ำมัน Euro5 โดยเป็นมาตรการบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567
ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “กรุงเทพมหานคร ได้ทดสอบการปล่อย PM2.5 จากยานยนต์จำลองดีเซลยูโร 3 ที่ผ่านการตรวจควันดำแล้ว โดยได้ตั้งข้อสังเกตระหว่างยานยนต์ที่ไม่มีการบำรุงรักษา และยานยนต์ที่มีการบำรุงรักษาโดยการเปลี่ยนไส้กรองรถยนต์และน้ำมันเครื่อง ทดสอบโดย sensors ตรวจวัดคุณภาพอากาศจากโครงการ AIRLAB Microsensors Challenge 2023 ในห้องขนาดพื้นที่ 50 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งผลการทดสอบพบว่า ยานยนต์ที่มีการบำรุงรักษาโดยการเปลี่ยนไส้กรองรถยนต์และน้ำมันเครื่อง สามารถลดการปลดปล่อย PM2.5 ได้จริง
ซึ่งการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์และไส้กรองอากาศตามเวลาหรือก่อนระยะเวลาที่กำหนด จะสามารถช่วยลดการปล่อย PM2.5 ได้ถึง 25% และช่วยยืดอายุการใช้งานรถยนต์ได้อีกด้วย จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่กระทรวงพลังงานได้ออกนโยบายปรับเปลี่ยนคุณภาพน้ำมันจาก Euro4 เป็น Euro5 เนื่องจากน้ำมัน Euro5 มีกำมะถันลดลงกว่า 5 เท่า จึงส่งผลให้ลดการปล่อย PM2.5 ในเครื่องยนต์ดีเซลได้กว่าร้อยละ 20
นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังดำเนินมาตรการลดฝุ่นจากต้นตออย่างต่อเนื่อง เช่น การตรวจวัดรถยนต์ควันดํา การแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด การเข้มงวดไซต์ก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น แต่ต้องไม่ลืมว่าเรามีรถในกรุงเทพฯ กว่า 6-7 ล้านคันที่ปล่อยควัน การติดขัดของการจราจรก็เป็นส่วนหนึ่งซึ่งต้องเข้มงวดเรื่องวินัยจราจร ถ้ารถแล่นได้เร็วขึ้น จอดแช่น้อยลง ก็จะปล่อยควันที่มี PM2.5 น้อยลง สถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้น”
ส่วน นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่าขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวทำให้มีสภาพอากาศปิดและเพดานการลอยตัวอากาศมีแนวโน้มลดต่ำลงทำให้การกระจายตัวของฝุ่นละอองไม่ดี และคาดการณ์ว่าปรากฏการณ์เอลนีโญจะส่งผลให้สถานการณ์ฝุ่นละอองในปี 2567 มีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองที่มีการจราจรหนาแน่น อาจส่งผลต่อเนื่องให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองสูงเกินเกณฑ์มาตรฐานบางช่วงเวลาได้
กระทรวงทส.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดโครงการ “คลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5” ปี 2567 ที่ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 ภายใต้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน โดยให้ประชาชนนำรถยนต์เข้ามารับบริการตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ฟรี และให้ส่วนลดค่าซ่อม บำรุงรักษาและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง รวมทั้งค่าอะไหล่และค่าแรงรถรวมทั้งหมด 9 บริษัท คือ TOYOTA ISUZU MITSUBISHI NISSAN MAZDA FORD HONDA SUZUKI และ HINO เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ของประชาชนทั่วไป ในระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2566 ถึง เดือนเมษายน 2567
จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ดังสโลแกนที่ว่า “ตรวจสภาพรถกันสักนิด ลดมลพิษฝุ่นได้” ด้วยการตรวจสภาพเครื่องยนต์ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและเข้าบำรุงรักษาเครื่องยนต์ตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งจะช่วยลดการเกิดฝุ่นละอองได้ประมาณ 25%
นอกจากนี้ การไม่บรรทุกสิ่งของหนักจนเป็นสาเหตุให้เกิดควันดำ การใช้น้ำมันEuro5 หรือเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการใช้ระบบขนส่งสาธารณะแทนการใช้รถยนต์ส่วนตัว ก็จะลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้เช่นกัน
ด้าน นายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “สภาอุตสาหกรรมฯ มีความตระหนักถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 จากภาคขนส่งที่มีต่อประชาชน กรมควบคุมมลพิษ และสภาอุตสาหกรรมฯ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และสมาชิกค่ายรถยนต์ 9 บริษัท จัดโครงการ “คลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5” ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2566 ถึงดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยบริษัทรถยนต์ ได้ให้ส่วนลดค่าบำรุงรักษาเพื่อลดควันดำ อาทิ การตรวจสอบสภาพฟรี ส่วนลดน้ำมันเครื่อง ค่าแรง และค่าอะไหล่ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง โดยเน้นที่รถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลและเบนซินที่หมดอายุรับประกัน ซึ่งถ้าอายุรถยนต์ยิ่งมาก จะได้รับส่วนลดมากขึ้น เพื่อจูงใจให้ประชาชนนำรถเก่าเข้ามารับบริการบำรุงรักษาฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ของรถยนต์ และลดผลกระทบที่จะทำให้เกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 และเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ”
นายพีระพันธุ์กล่าวเพิ่มเติมว่า “กระทรวงพลังงานไม่ได้นิ่งนอนใจ และเล็งเห็นถึงความเร่งด่วนในการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 เราจึงได้เชิญผู้ค้าน้ำมัน รวมทั้งค่ายรถยนต์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันหามาตรการแก้ไขปัญหาโดยเร็ว ซึ่งก็ได้ทราบว่า ทั้งผู้ค้าน้ำมันและค่ายรถยนต์ได้มีโปรโมชั่นส่วนลดสำหรับลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ในการนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการบำรุงรักษาตามระยะ รวมทั้งการเปลี่ยนไส้กรองอากาศ ไส้กรองน้ำมัน การเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน โดยเฉพาะรถเก่า ซึ่งผมได้ขอความร่วมมือทั้งค่ายรถยนต์และผู้ค้าน้ำมันในการเพิ่มส่วนลดให้มากขึ้น เพื่อจูงใจให้ประชาชนนำรถยนต์เข้าตรวจสอบสภาพเพื่อลดฝุ่นให้ได้มากที่สุด และกระทรวงพลังงานก็เตรียมออกมาตรการปรับใช้น้ำมัน Euro5 ซึ่งสามารถลด PM2.5 ได้มากขึ้น ซึ่งผู้ค้าน้ำมันบางรายก็ได้เริ่มจำหน่ายแล้ว”
“ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบโปรโมชั่นส่วนลดค่าใช้จ่ายในการนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการได้จาก FB กระทรวงพลังงาน และจากศูนย์บริการรถยนต์ทั่วประเทศ” นายพีระพันธุ์ กล่าว