ไทยลดภาษีเงินได้ฯ ดึงต่างชาติ 4 กลุ่มเข้าพักยาวในไทย

คลังเสนอรัฐไทย ลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้ถือ long term visa เหลือ 17% หวังดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย มั่นใจ เม็ดเงินใช้จ่ายรวมเพื่อการบริโภคในประเทศของชาวต่างชาติกลุ่มนี้ โปะรายได้ภาษีที่หายไปได้อย่างแน่นอน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวง โดยเฉพาะกรมภาษี “สรรพากร ศุลกากร และสรรพสามิต” ร่วมแถลงข่าวหลังจาก คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติ ผู้ถือวีซ่าประเภท ผู้พำนักระยะยาว (LTR Visa) โดยให้การยกเว้นภาษีสำหรับกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย และลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ เหลือเพียงร้อยละ 17

นายอาคม ระบุว่า กระทรวงการคลังให้ความสำคัญถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจและการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้ามาสู่ประเทศไทย จึงได้เสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ.….  เป็นการให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ชาวต่างชาติผู้ถือวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาว โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.กำหนดให้ชาวต่างชาติผู้ถือวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาว กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศและกลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้พึงประเมินเนื่องจากหน้าที่การงาน หรือกิจการที่ทำในต่างประเทศ หรือเนื่องจากทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศซึ่งได้นำเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีเดียวกันกับที่ได้รับเงินได้พึงประเมินดังกล่าว

2.กำหนดให้ชาวต่างชาติผู้ถือวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาว กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษซึ่งทำงาน ในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบอุตสาหกรรมเป้าหมายตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน กฎหมายว่าด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศหรือกฎหมายว่าด้วยเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก และได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร มีสิทธิเลือกเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราร้อยละ 17 ของเงินได้พึงประเมิน

“มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ทำให้ชาวต่างชาติผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจหรือมีความรู้ความเชี่ยวชาญเข้ามาพักอาศัยหรือทำงานในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นการเพิ่มจำนวนฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาส่งเสริมให้เกิดการบริโภคและการลงทุนในประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อันเป็นผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะต่อไป” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สรุป

ขณะที่ ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ได้จัดแบ่งชาวต่างชาติกลุ่มซึ่งเป็นเป้าหมายตามมาตรการ ออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้ 1.ประชากรโลกที่มีความมั่นคั่งสูง ได้แก่ ผู้ที่มีการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย ลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) หรือในอสังหาริมทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 500,000.02 ดอลลาร์สหรัฐ มีรายได้ส่วนบุคคลไม่ต่ำกว่าปีละ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และมีทรัพย์สินไม่ต่ำกว่า 1,000,000. ดอลลาร์สหรัฐ

2.กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ ได้แก่ ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย ลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือในอสังหาริมทรัพย์ ไม่ต่ำกว่า 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ มีรายได้ปีละ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือมีรายได้ (เงินบำนาญ) ไม่ต่ำกว่าปีละ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ

3.กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย : มีรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 80,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาหรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากจบการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไปหรือครอบครองทรัพย์สินทางปัญญาหรือได้รับเงินทุน Series A มีประสบการณ์การทำงาน 5 ปี

แลพ 4.กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ : มีรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 80,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาหรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากจบการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป และมีประสบการณ์การทำงานห้าปีในอุตสาหกรรมเป้าหมาย

ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับชาวต่างชาติในครั้งนี้ แม้จะทำให้รัฐบาลไทยสูญเสียรายได้แต่ละปีมีมูลค่าสูงนับหลายหมื่นล้านบาท แต่การใช้ชีวิตในประเทศไทยของชาวต่างชาติกลุ่มนี้ จะช่วยเพิ่มปริมาณการใช้จ่าย ผ่านการบริโภคสินค้าและบริการได้ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี กระทั่ง สามารถจะกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมภาพลักษณ์ของไทยในทุกมิติได้เป็นอย่างดีเช่นกัน.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password