“เอ็กซิมแบงก์” ประเมิน ยอดส่งออกไทยปี 66 โตแผ่ว เหตุอุปสงค์ตลาดโลก ชะลอตัว

“เอ็กซิมแบงก์” ชี้ ส่งออกไทยปี 2566 โตแผ่วเหลือ 1-2% อ่วมพิษอุปสงค์ตลาดโลกชะลอตัว-เศรษฐกิจจีนฟื้นช้ากว่าคาด-อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน แนะทางรอดผู้ประกอบการปรับตัวรุกตลาดที่มีศักยภาพ ควบคู่พัฒนาสินค้าตามเทรนด์โลกยุคใหม่

วันที่ 29 ธ.ค. 2565 นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ เอ็กซิมแบงก์ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องที่ราว 3.5% สวนทางกับเศรษฐกิจโลกที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าจะชะลอลงเหลือ 2.7% ต่ำสุดในรอบ 21 ปี (ไม่รวมปีที่เกิดวิกฤต) โดยไทยเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในภูมิภาคที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ด้วยแรงขับเคลื่อนสำคัญจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเดินทางเข้ามาไทยมากกว่า 20 ล้านคน รวมถึงแรงหนุนจากอุปสงค์ในประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดีตามการเพิ่มขึ้นของรายได้เกษตรกรและการจ้างงานในภาคบริการที่ฟื้นตัวตามการท่องเที่ยว

ขณะที่ภาคการส่งออกเริ่มมีแนวโน้มชะลอลง สะท้อนได้จากดัชนีชี้นำการส่งออกของไทย จัดทำโดยเอ็กซิมแบงก์ (EXIM Index) ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 8 ไตรมาส คาดว่า การส่งออกของไทยทั้งปี 2566 จะขยายตัวเพียง 1-2% ชะลอลงจาก 7-8% ในปี 2565 โดยมีปัจจัยกดดันมาจากอุปสงค์ในตลาดโลกที่มีแนวโน้มชะลอลง โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยทั้งสหรัฐฯ และยุโรปที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) มากขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ขณะเดียวกัน ปัญหา Global Supply Chain Disruption แม้จะคลี่คลายลงบ้าง แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ตลอดจนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีต่อเนื่องยังคงจะกดดันการส่งออกไทยในระยะถัดไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งนี้ ทางรอดของผู้ประกอบการไทยในช่วงที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว เพื่อคว้าโอกาสในตลาดที่ยังมีพื้นที่สำหรับสินค้าไทย ได้แก่ 1. การรุกส่งออกไปยังตลาด CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และตะวันออกกลาง อาทิ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งในช่วง 10 เดือนแรก ปี 2565 การส่งออกของไทยไปตลาดดังกล่าวเติบโตกว่า 15% และ 26% ตามลำดับ

2.การส่งออกสินค้าที่เติมเต็มช่องว่างทางการตลาด เช่น สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว อาทิ อาหาร ผลไม้ เครื่องสำอาง เครื่องใช้ในบ้าน เป็นต้น และสินค้าไทยที่สามารถเจาะตลาดประเทศคู่ขัดแย้ง ทางการเมืองระหว่างประเทศ อาทิ การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าของไทยไปทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ และการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนเข้ามาในไทยมากขึ้นในหลายอุตสาหกรรม อาทิ รถยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทยในการแทรกตัวเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่การผลิตแห่ง อนาคตได้อีกด้วย และ3. การส่งออกสินค้าที่เกาะกระแสเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ เช่น กระแสรักษ์สุขภาพและกระแสรักษ์ สิ่งแวดล้อมที่กลายมาเป็น New World Order

อย่างไรก็ดี เอ็กซิมแบงก์พร้อมทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนในการทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแนะนำและเครื่องมือทางการเงินครบวงจรที่จะช่วยให้ภาคธุรกิจของไทยเข้มแข็งขึ้นตั้งแต่ระดับบุคคลไปจนถึงวิสาหกิจชุมชนและกิจการทุกระดับที่มีจะขยายตลาดต่างประเทศ.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password