ผลสำรวจ ‘หอการค้าไทย-จีน’ ชี้! เศรษฐกิจโลกชะลอตัวคือปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยปีนี้

“หอการค้าไทย-จีน” เปิดผลการสำรวจดัชนีความเชื่อความเชื่อมั่น ไตรมาส 2/2567 ชี้! การท่องเที่ยวเป็นปัจจัยสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย หวั่นการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทย ระบุ! ฟรีวีซ่าไทย-จีน เป็นสัญญานความร่วมมือที่ดี และจะส่งผลต่อการค้าการลงทุนระหว่างไทยและจีนดีขึ้น เผย! 2 เดือนแรกปี 2567 นำเข้าจากจีน 133,210 ล้านหยวน โต 5.9% ขณะที่การส่งออกไปจีนติดลบ 3.8% เหลือแค่ 44,750 ล้านหยวน เทียบขาดดุลจีนสูงถึง 3 เท่าตัว ประธานหอการค้าไทย-จีน ยังแอบหวัง รัฐจีนตั้งเป้าจีดีพีปีนี้ โต 5% จะหนุนภาคการส่งออกของไทยได้บ้าง

นายณรงค์ศักดิ์  พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า หอการค้าไทย-จีน ได้ทำการสำรวจสรุปดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยจีนประจำไตรมาสที่สองปี 2567 ระหว่างวันที่  1520 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยผู้ตอบการสำรวจประกอบด้วย ประธาน คณะกรรมการกิตติมศักดิ์ คณะกรรมการบริหาร และกรรมการหอการค้าไทยจีน ผู้บริหารและกรรมการสมาพันธ์หอการค้าไทยจีน และกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ของหอการค้าไทยจีนอีก เป็นจำนวนทั้งหมด 476 คน ที่ตอบแบบสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นดังกล่าว

โดยหลายสำนักวิจัยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2567 ว่า จะเติบโตอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 2.73.7 ทั้งนี้ จากการสำรวจที่ได้แบ่งช่วงต่างๆ เพื่อการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยพบว่า ร้อยละ 58 ของผู้ถูกสำรวจคาดว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตระหว่างร้อยละ 2.73.2 และ ร้อยละ 15 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะโตระหว่างร้อยละ 3.23.7 ผู้ถูกสำรวจยังมีความเห็นว่าการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2567 นั้นจะถูกขับเคลื่อนด้วยการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก และการจับจ่ายใช้สอยของภาคประชาชนจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญในลำดับรองมา ส่วนการใช้จ่ายของภาครัฐจะเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญน้อยที่สุดสำหรับปีนี้

จากการคาดการณ์ดังกล่าว ความเสี่ยงที่ควรต้องเฝ้าระวังนั้น ผู้ถูกสำรวจให้ความสำคัญ ต่อเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เป็นปัจจัยที่มีความเสี่ยงสำคัญที่สุดต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย  ทั้งนี้ มีอีก 3 ปัจจัยเสี่ยง คือ ความขัดแย้งระหว่างประเทศจนก่อให้เกิดภาวะสงคราม ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จะมาทำหน้าที่แทนแรงงาน และความคิดที่แตกต่างกันระหว่างกลุ่มคนต่างวัย ตามลำดับ

ทางด้าน แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 45.6 ของผู้ถูกสำรวจคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะมีการปรับลดลงในอีก 3 เดือนหน้า ขณะที่ร้อยละ 29.8 คาดว่าอัตราดอกเบี้ยน่าจะปรับตัวลดลงภายหลัง 3 เดือน ซึ่งกล่าวได้ว่าผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่เล็งเห็นว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยน่าจะปรับตัวลดลงในอีกไม่นาน

การสำรวจข้อคิดเห็น ในส่วนความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน มีดังนี้ จากการที่ไทยได้ให้ฟรีวีซ่ากับชาวจีนเมื่อปลายปี 2566 และจีนเองให้ฟรีฟรีซ่ากับชาวไทยตั้งแต่ 1 มีนาคม ในปีนี้ ร้อยละ 67 ของผู้ถูกสำรวจคิดว่า การให้ฟรีวีซ่าเป็นสัญญาณความร่วมมือที่ดีระหว่างประเทศและส่งผลทำให้แนวโน้มการค้าการลงทุนระหว่างไทยและจีนจะดีขึ้น  และร้อยละ 28 ของผู้ตอบแบบสำรวจเล็งเห็นว่า ความสัมพันธ์ดังกล่าวจะทำให้การค้าการลงทุนระหว่างไทยและจีนอยู่ในระดับดีขึ้นมาก เมื่อได้ถามถึง อุตสาหกรรมใดที่ไทยน่าจะชวนจีนมาร่วมลงทุนในปี 2567 อันดับแรกคืออุตสาหกรรมเครื่องจักรและยานยนต์ ส่วนในลำดับต่อมา คือ อุตสาหกรรมดิจิตอลและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพ  ตามลำดับ

เมื่อสอบถามว่า การชะลอตัวของจีนตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาจะมีผลกระทบทางลบต่อธุรกิจนำเข้าและส่งออกของไทยด้านใด ร้อยละ 30.6 ของผู้ถูกสำรวจ ให้ความเห็นว่า อุตสาหกรรมเหล็ก และผลิตภัณฑ์เหล็ก จะได้รับผลกระทบสูงที่สุด ขณะที่ร้อยละ 26.2 ลงความเห็นว่า เป็นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

เนื่องด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์มีแนวโน้มที่จะมีการพัฒนาพัฒนาไปสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า นโยบายของประเทศไทย จึงมีเป้าหมายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างน้อย ร้อยละ 30 ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดในปี 2573 เพื่อให้อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าได้เติบโตเข้าเป้าหมาย ร้อยละ 57.3 ของผู้ตอบแบบสำรวจ เห็นว่าเป้าหมายนั้นเป็นไปได้หากอุตสาหกรรมยานยนต์จีนมาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่ร้อยละ 34 ให้ความเห็นว่าให้ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นและชาติตะวันตกมาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นด้วย เป้าหมายดังกล่าวจึงจะบรรลุได้

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า การที่ประเทศจีนกำหนดเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปี 2567 ที่ อัตรา 5%  และเพิ่มอัตราการจ้างงานใหม่มากกว่า 12 ล้านคน  รวมถึงส่งเสริมการเปิดประเทศซึ่งจะขยายการนำเข้าสินค้าคุณภาพสูงจากต่างประเทศด้วยนั้น คาดว่าจะเป็นโอกาสสำหรับการขยายการส่งออกสินค้าของไทยไปจีน และหากพิจารณาภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของจีน ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กุมภาพันธ์ 2567) มีทิศทางที่ดี  ตามที่ศุลกากรจีนรายงานว่าการค้าระหว่างประเทศของจีนขยายตัว 8.7% มีมูลค่าการค้ารวม 6.61 ล้านล้านหยวน (หรือประมาณ 930.96 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) ส่วนการส่งออกของจีนขยายตัว 10.30% มีมูลค่าการส่งออก 3.75 ล้านล้านหยวน และการนำเข้าขยายตัว 6.7% มีมูลค่ากรนำเข้า 2.86 ล้านล้านหยวน

ทั้งนี่ ประเทศไทยถือเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของจีนในกลุ่มอาเซียน ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 การค้ารวมระหว่างประเทศจีนและไทย ขยายตัว  5.9% มีมูลค่า 133,210 ล้านหยวน (หรือประมาณ 18,747.1 ล้านเหรียญสหรัฐ)  การส่งออกของจีนไปยังประเทศไทย ขยายตัว 11.6% มีมูลค่า 88,460 ล้านหยวน ส่วนการนำเข้าของจีนจากไทย หดตัว 3.8% มีมูลค่า 44,750 ล้านหยวน.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password