สคบ.ผนึก 5 แพลตฟอร์มออนไลน์ คุมร้านค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาโครงการ ‘คนละครึ่งพลัส’

“สันติ ปิยะทัต” เดินหน้า “Quick Big Win” คุ้มครองผู้บริโภค ผนึกกำลัง 5 แพลตฟอร์มออนไลน์ สกัดบุหรี่ไฟฟ้า – ควมคุมร้านค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลไทย
นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และ 5 บริษัทแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำ ได้แก่ บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ลาซาด้า จำกัด บริษัท ติ๊กต๊อก ช็อป (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ไลน์แมน (ประเทศไทย) จำกัด เข้าร่วมประชุมหารือแนวทางการเฝ้าระวังการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและสินค้าผิดกฎหมายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคภายใต้โครงการ “คนละครึ่งพลัส”
โดยนายสันติ เปิดเผยว่า ตามแนวทางนโยบาย “Quick Big Win” ซึ่งประกอบด้วย 5 เรื่องหลัก ได้แก่1.โครงการ “คนละครึ่งพลัส” 2. โครงการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า 3. มาตรการลดค่าครองชีพเพื่อสร้างความเป็นธรรมในการเช่าที่อยู่อาศัย 4. นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวและกำกับดูแลธุรกิจให้เช่ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ และ 5. นโยบายอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการรายย่อย (SME) สำหรับการจดแจ้งการค้าและจดทะเบียนบริษัทในจุดเดียวหรือช่องทางออนไลน์ โดยหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลคือการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ ที่กำลังแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง จึงขอความร่วมมือจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยตรวจจับข้อความและสินค้าที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า หากพบการฝ่าฝืนจะถูกระงับบัญชีผู้ขายทันที พร้อมมีมาตรการลงโทษอย่างเข้มงวด รวมถึงแจ้งเงื่อนไขสินค้าควบคุมให้ร้านค้าทราบชัดเจน เพื่อป้องกันการจำหน่ายสินค้าผิดกฏหมาย
“รัฐบาลตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะทำให้พื้นที่ออนไลน์ของประเทศไทยเป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ โดยขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคน อย่าซื้อ อย่าขาย และอย่าสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าในทุกรูปแบบ หากพบเห็นการจำหน่าย สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน สคบ. 1166 หรือแพลตฟอร์มร้องเรียนออนไลน์ของ สคบ. โดยรัฐบาลจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อสร้างสังคมไทยที่ปลอดภัยและยั่งยืน” นายสันติ กล่าว
สำหรับโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่เริ่มให้ประชาชนใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา รัฐบาลได้ร่วมมือกับ 3 แพลตฟอร์มหลัก ได้แก่ ช้อปปี้ ไลน์แมน และแกร็บ เพื่อไม่ให้เกิดการเอาเปรียบผู้บริโภคหรือการทุจริต ด้วย 3 มาตรการหลัก ได้แก่ 1. ปิดระบบแก้ไขเมนูของร้านค้า เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคา2. มอบโค้ดส่วนลดค่าอาหารให้ผู้บริโภค เพื่อส่งเสริมการใช้สิทธิ 3. ลดค่าธรรมเนียมให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อบรรเทาภาระผู้ประกอบการรายย่อย
“โครงการคนละครึ่งพลัส ไม่ใช่เพียงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นกลไกสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลไทยให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ และยั่งยืน เงินทุกบาทของรัฐจะต้องถึงมือประชาชนและผู้ประกอบการอย่างแท้จริง รัฐบาลขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือและร่วมกันรักษาความโปร่งใส เพื่อให้โครงการนี้เป็นพลังสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ” นายสันติ กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความคุ้มครองอย่างทั่วถึง สคบ. ได้จัดตั้ง ศูนย์แก้ไขปัญหาเรื่องร้องทุกข์เฉพาะกิจ สำหรับผู้บริโภคที่ประสบปัญหาจากการซื้อสินค้าภายใต้โครงการคนละครึ่งพลัส และเปิดช่องทางร้องเรียนพิเศษออนไลน์ เพื่อให้ดำเนินการรับเรื่องร้องทุกข์ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมจัดทำ “Positive List” รายชื่อผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซทั่วไปที่ได้รับอนุญาตตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดจาก สคบ. เพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อสินค้าหรือบริการออนไลน์ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย.

 
                                            
 
																				 
																				



