วันแรกคนละครึ่งพลัส คนไทยใช้จ่ายกระจาย! – ‘รองฯเอกนิติ’ แพลมเฟส 2 มุ่ง ‘กลุ่มตกหล่น-ลงทะเบียนไม่ทัน’

คนไทยแห่ใช้จ่ายเงินวันแรก โครงการคนละครึ่ง พลัส กระจาย แค่ครึ่งวัน ยอดพุ่งไปแล้วกว่า 500 ล้านบาท ด้าน รองนายกฯเอกนิติ ย้ำ! รัฐบาลเตรียมการเฟส 2 เบื้องต้นเปิดช่องกลุ่มตกหล่นและลงทะเบียนไม่ทัน ระบุ! นายกฯหนุนแนวคิดนี้ ยืนยันไม่ก่อหนี้ใหม่ รักษาวินัยการคลัง แต่ใช้จากงบประมาณปี 2569

วันนี้ (29 ต.ค.2568) ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พร้อมด้วย นายอาร์ชวัส เจริญศิลป์ เลขานุการ รมว.คลัง, นายอรรถพล อรรถวรเดช รองปลัดกระทรวงการคลัง ด้านบริหาร และ น.ส.อมรรัตน์ จารุรัตน์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการคลัง นำคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนผู้ประกอบการร้านค้า ณ ตลาดนัดหลังกระทรวงการคลัง โดยมี ประชาชนที่มาจับจ่าย ซื้ออาหาร และเครื่องดื่ม ตลอดจนของใช้ต่างๆ ใน โครงการคนละครึ่งพลัส ซึ่งเป็นวันแรกที่เริ่มโครงการฯ และได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการร้านค้าและประชาชนเป็นอย่างมาก

ดร.เอกนิติ ยืนยันว่า รัฐบาลกำลังเดินหน้าโครงการ “คนละครึ่งพลัส เฟส 2” ซึ่งอยู่ระหว่างการออกแบบหลักเกณฑ์และเงื่อนไข เบื้องต้นอาจให้สิทธิแก่ประชาชนที่ตกหล่นและลงทะเบียนไม่ทันในรอบแรกก่อน เพื่อให้เข้าร่วมโครงการได้ และได้รับการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี ก่อนจะย้ำว่า เงินที่ใช้ในโครงการฯจะมาจากงบประมาณปี 2569 ไม่เป็นการสร้างหนี้ใหม่ โดยจะะพิจารณาความเหมาะสมด้านจำนวนสิทธิ งบประมาณ และวินัยการคลังควบคู่ไปด้วย ส่วนหากจะมีเงินคงเหลือจากเฟสแรก ที่ประชาชนไม่ได้ใช้ตามกำหนด จะนำไปใช้ในการเพิ่มทักษะผู้ประกอบการ เช่น การสอนการขายออนไลน์ การใช้ AI เพิ่มยอดขาย และลดต้นทุน เป็นต้น
ด้าน นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันแรกที่ประชาชนได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง พลัส (โครงการฯ) และสามารถเริ่มใช้จ่ายได้กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยตั้งแต่เวลา 06.00 น. โดยมีประชาชนให้ความสนใจใช้จ่ายผ่านโครงการฯ เป็นจำนวนมาก และ ณ เวลา 12.30 น. มีผู้ใช้จ่ายผ่านโครงการฯ สำเร็จแล้วกว่า 2.49 ล้านราย ยอดใช้จ่ายรวมกว่า 501.11 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น เงินที่ประชาชนจ่ายจำนวน 252.40 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายจำนวน 248.71 ล้านบาท

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. ถึง 31 ธ.ค. 2568 ตั้งแต่เวลา 06.00 – 23.00 น. ผ่าน G-Wallet ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยในแต่ละวันไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายให้เต็มสิทธิ 200 บาท
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ยังคงสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ได้อย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 19 ธ.ค. โดยร้านค้าที่ประสงค์จะขายอาหารและเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) สามารถเลือกเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการ Food Delivery Platform ที่ได้รับอนุมัติเข้าร่วมโครงการฯ ได้ 1 ราย ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนสามารถใช้จ่ายเพื่อซื้ออาหารและเครื่องดื่มจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ได้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. ถึง 31 ธ.ค. 2568 ตั้งแต่เวลา 06.00 – 21.00 น. ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
โฆษกกระทรวงการคลัง ย้ำว่า ประชาชนจะต้องเริ่มใช้ครั้งแรกภายในวันที่ 11 พ.ย. เวลา 23.00 น. ซึ่งหากพ้นระยะเวลาดังกล่าว จะถือว่าไม่ประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ และถูกตัดสิทธิในโครงการฯ และสำหรับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ จะไม่มีการนำส่งข้อมูลรายได้ของร้านค้าให้แก่กรมสรรพากรแต่อย่างใด

นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการคลัง ร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (Central Investigation Bureau: CIB) แถลงเปิดปฏิบัติการทลายกลโกงร้านค้าที่โฆษณาเชิญชวนประชาชนที่ได้รับสิทธิโครงการฯ ให้นำวงเงินตามสิทธิมาแลกเป็นเงินสด โดยมีส่วนต่างที่ต้องหักให้ร้านค้า ซึ่งไม่ก่อให้เกิดการซื้อขายสินค้าหรือบริการจริงตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ทั้งนี้ ได้จับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 3 รายเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป (อ่านข่าวได้ที่… https://yutthasartonline.com/justice-crime/144127)
พร้อมทั้งเน้นกำชับเตือนประชาชนและร้านค้าห้ามซื้อขายสิทธิหรือใช้สิทธิโครงการฯ โดยไม่มีการซื้อขายจริง และโปรดอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนให้แลกวงเงินสิทธิโครงการฯ เป็นเงินสด เนื่องจากเป็นการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ (ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ) ทั้งนี้ หากมีการแลกวงเงินสิทธิโครงการฯ เป็นเงินสดสำเร็จ จะถือเป็นความผิดทางอาญาฐานร่วมกันฉ้อโกง ทั้งผู้แลกและผู้รับแลก (ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ) ตลอดจนต้องคืนเงินให้แก่รัฐบาลทั้งจำนวนที่เคยได้รับไป รวมถึงอาจถูกระงับสิทธิไม่ให้เข้าร่วมโครงการอื่นของรัฐบาลอีกด้วย
อนึ่ง ข้อมูลเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์ :
1. เว็บไซต์โครงการฯ: ติดตามรายละเอียดโครงการฯ และข้อมูลข่าวสารได้ทาง www. คนละครึ่งพลัส .com
2. ศูนย์ช่วยเหลือสำหรับประชาชน:
2.1 ติดต่อสอบถาม โทร. 0 2111 1122 ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ 24 ชั่วโมง
2.2 ตรวจสอบผลการลงทะเบียนหรือวงเงินคงเหลือ โทร. 0 2111 1122 กด 3 ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ 24 ชั่วโมง
3. ศูนย์ช่วยเหลือสำหรับร้านค้า:
3.1 ติดต่อเกี่ยวกับรายการรับเงินภาครัฐ และการใช้งานแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” โทร. 0 2111 1122 กด 3 ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ 24 ชั่วโมง
3.2 ตรวจสอบสถานะลงทะเบียนร้านค้า โทร. 0 2111 1122 กด 3 ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ 24 ชั่วโมง
4. สอบถามข้อมูลโครงการฯ: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 08-5842-7102, 08-5842-7103, 08-5842-7104, 08-5842-7105, 08-5842-7106, 08-5842-7107, 08-5842-7108, 08-5842-7109 ตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 – 16.30 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์.






