“เอกนัฏ” ทลายเครือข่ายลอบบรรจุ-ขายสารเคมีอันตราย ซุกบ้านเช่ากลางชุมชน

“เอกนัฏ” เร่งขยายผลตรวจสอบเครือข่ายกลุ่มทุนลักลอบแบ่งบรรจุ-จำหน่ายสารเคมีอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาตกระจายทั่วประเทศ ส่ง “ทีมสุดซอย” ตรวจโกดังต้องสงสัย แกะรอยพบเคยโดน “กรมศุลฯ” สั่งยึดอายัดสงสัยลักลอบนำเข้า แต่ยังฝ่าฝืนทำผิด สั่งดำเนินคดีเด็ดขาด พร้อมหาความเชื่อมโยงอาจนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ ว่ามีชาวต่างชาติเช่าบ้านพักอาศัยอยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีการขนย้ายสารเคมีไม่ทราบชนิดและนำไปจัดเก็บจำนวนมาก ประชาชนเกรงว่าจะระเบิดหรือเกิดไฟไหม้ ส่งผลกระทบเป็นอันตรายอย่างรุนแรง ดังกรณี “โกดังภาชี” เนื่องจากบ้านพักดังกล่าวอยู่กลางชุมชนที่มีประชาชนพักอาศัยโดยรอบอยู่จำนวนมาก จึงได้ส่งทีมตรวจสุดซอยกระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมด้วย เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (สอจ.พระนครศรีอยุธยา) สถานีตำรวจภูธรบางปะอิน สถานีตำรวจภูธรพระอินทร์ราชา กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) กองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร และหน่วยงานท้องถิ่น ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบอาคารโกดัง เลขที่ 456 อาคาร 9 หมู่ที่ 8 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.อยุธยา ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของ บริษัท เจียนหง เคมีคอล (ไทยแลนด์) จำกัด 

“การเข้าตรวจสอบโกดังดังกล่าว ได้เบาะแสจากชาวบ้านในพื้นแล้ว ยังได้ขยายผลพบความเชื่อมโยงในการตรวจพบโกดังลักลอบแบ่งบรรจุและเก็บสารเคมีอันตรายที่ ต.คานหาม อ.อุทัย จ.อยุธยา ที่กรอ. สอจ.อยุธยา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบเมื่อ 21 ก.พ. 68 พบสารเคมีอันตรายจำนวนมาก เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 โดยไม่พบหลักฐานการได้รับอนุญาตให้ครอบครองวัตถุอันตราย จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีและอายัดสารเคมีดังกล่าวไว้แล้ว” นายเอกนัฏ ระบุ

นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบโกดัง บริษัท เจียงหงฯ เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 68 พบ นางสาวเฉียนซุ่น จ้าว กรรมการ บริษัท เจียนหง เคมีคอล (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นผู้เช่าโกดัง ภายในมีการแบ่งบรรจุสารเคมี พร้อมติดป้ายผลิตภัณฑ์ของบริษัท เจียนหงฯ และมีการล้างภาชนะที่ปนเปื้อนสารเคมีในพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ ยังพบกระสอบสารเคมีที่มีป้ายระบุว่าเป็นของกลางที่กรมศุลกากรยึดอายัดไว้ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 67 ได้แก่ โซเดียมซัลไฟต์ โซเดียมไฮดรอกไซด์ โพลีเฟอริกซัลเฟต กรดซิติก อะลูมิเนียมคลอไรด์ โพลีอะคริลาไมต์โพแทสเซียมคาร์บอเนต โซดา แอช ไลท์ และโซเดียมคลอเลต รวมกว่า 1,794 กระสอบ และยังพบสารเคมีที่เป็นสารควบคุมของ กรอ. ได้แก่ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (hydrogen peroxide) บรรจุในถังขนาด 25 ลิตร จำนวน 101 แกลลอน โซเดียมไฮดรอกไซด์ (sodium hydroxide) ขนาดบรรจุ 25 กิโลกรัม จำนวน 183 กระสอบ เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 โซเดียมคลอเรต (sodium chlorate)  ขนาดบรรจุ 25 กิโลกรัม จำนวน 28 กระสอบ เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3

ทั้งนี้ ไม่พบหลักฐานที่แสดงว่า บริษัท เจียนหงฯ มีการแจ้งข้อเท็จจริงเพื่อนำเข้าหรือผลิตหรือครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 และขออนุญาตนำเข้าหรือครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ซึ่งมีความผิดตาม ม. 21 บทกำหนดโทษตาม ม. 71 แห่งพ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดตาม ม. 23 วรรคหนึ่ง บทกำหนดโทษตามม. 73 แห่ง พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 จึงเก็บตัวอย่างสารเคมีไปตรวจสอบ พร้อมทั้งยึดอายัดสารเคมีทั้งหมด และแจ้งความดำเนินคดี บริษัท เจียนหงฯ

นอกจากนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านเช่าเลขที่ 102/131 หมู่บ้านเดอะแกรนพาร์ค หมู่ที่ 7 ต.บ้านสร้าง อ.บางปะอิน จ.อยุธยา เพื่อขยายผลกรณีมีชาวต่างชาตินำสารเคมีไม่ทราบชนิดนำมาเก็บอยู่ในบ้านพักดังกล่าว จากการตรวจสอบพบถังสารเคมี (25 ลิตร) จำนวน 144 แกลลอน บางถังติดฉลากเป็นผลิตภัณฑ์ของ บริษัท เจียนหงฯ เจ้าหน้าที่จึงเก็บตัวอย่างสารเคมีนำไปตรวจวัดวิเคราะห์ต่อไป

“ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตรวจสอบโกดังและโรงงานต้องสงสัยเพิ่มเติม เพื่อสกัดกั้นเส้นทางการลักลอบกระจายสารเคมีอันตรายที่อาจแพร่กระจายไปทั่วประเทศ และจะติดตามเส้นทางของสารเคมีบางชนิดที่อาจถูกนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ถึงที่สุด พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนเกี่ยวกับมาตรการควบคุมสารเคมีอันตรายอย่างเข้มงวด โดยกระทรวงอุตสาหกรรมยืนยันจะดำเนินการเชิงรุกอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการลักลอบใช้สารเคมีอันตรายในทางที่ผิดและลดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของประชาชนในทุกพื้นที่” นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวทิ้งท้าย

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password