‘จตุพร’ แฉโมเดลพรรคร่วมรัฐบาลรุม ‘พรรคส้ม’ อาจทำให้ แพ้ศึกเลือกตั้งได้
“จตุพร” ชี้พรรครัฐบาลมีโมเดลรุมพรรคส้มแพ้ศึกเลือกตั้งได้ เผยเจรจาคัดผู้สมัครพรรคเดียวลงชิงพื้นที่พรรค ปชช. 112 เขต เชื่อบดขยี้และเพิ่มเสียงรัฐบาลมากขึ้น แนะพรรคส้มปรับตัวเลือกผู้สมัครมีฐานเสียงแล้วบวกด้วยคะแนนนิยมของพรรคจะพอเอาตัวรอดแค่ปกป้องพื้นที่เดิมไว้ได้บ้าง
วันที่ 18 ก.ย.67 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก “Jatuporn Prompan – จตุพร พรหมพันธุ์” ระบุว่า… พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งซ่อม สส. พิษณุโลก โดยใช้รูปแบบราชบุรีโมเดลมารวมพลังการเมืองฝ่ายรัฐบาลต่อสู้จนชนะ ดังนั้น พรรคประชาชนต้องปรับรูปแบบการแข่งขันใหม่ให้สอดคล้องกับลักษณะการเมืองที่เปลี่ยนไป
อีกทั้งกล่าวว่า การจัดการแบบราชบุรีโมเดลมาถึงการแข่งขันเลือกตั้งพิษณุโลก คือรูปแบบรุมกินโต๊ะพรรคประชาชน ซึ่งเป็นคำตอบที่เห็นได้ชัดเจนกับการต่อสู้เพื่อให้ชนะเท่านั้น และการจัดการทางการเมืองเช่นนี้จะถูกนำไปใช้ในสนามเลือกตั้งนายก อบจ.ทั่วประเทศ และการเลือกตั้ง สส.ครั้งใหม่
“การจัดการของพรรคประชาชนต้องพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครที่พอมีเสียงนิยมจำนวนหนึ่งแล้วบวกกับกระแสนิยมของพรรคด้วย ก็จะพอให้ชนะเลือกตั้งได้ หากผู้สมัครไม่มีคะแนนเป็นของตัวเองแล้ว จะต่อสู้และแข่งขันให้ชนะได้ยาก อีกทั้งจะรักษาพื้นที่เดิมใน 112 เขตเลือกตั้งของตัวเองได้ลำบากอย่างยิ่ง”
อีกทั้งประเมินว่า การเลือกตั้ง สส.ครั้งใหม่นั้น การเจรจาของพรรคฝ่ายรัฐบาลเพื่อตกลงส่งผู้สมัครต่อสู้กับพรรคประชาชนทั้ง 400 เขตไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นหากเจรจาให้ฝ่ายรัฐบาลส่งคนเดียว พรรคเดียวแล้วรุมช่วยหาเสียงในพื้นที่เฉพาะ 112 เขตที่พรรคก้าวไกลเดิมชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ย่อมเป็นการจัดการเพื่อให้ชนะ และเป็นโจทย์ใหญ่ของพรรคประชาชนที่ใช้ผู้สมัครไม่มีความนิยม อาศัยเพียงกระแสของพรรคเท่านั้นจึงต้องคิดหาวิธีการใหม่เพื่อรับมือ
นายจตุพร กล่าวว่า การเมืองเป็นการออกแบบเพื่อชนะเลือกตั้งให้ได้ ดังนั้น พรรคประชาชนจะเหนื่อยพอสมควรในการรักษา สส.เขตไว้ และอีกอย่างกลุ่ม 44 สส.ของพรรคประชาชน ที่เคยลงชื่อยื่นร่างกฎหมายแก้มาตรา 112 ถ้าเรื่องไปถึงศาล รธน.ให้พิจารณาเอาผิดจริยธรรม หากศาลรับคำร้องอาจถูกสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ สส.ก็เป็นไปได้ ซึ่งส่อแนวโน้มสูญนักการเมืองระดับสำคัญของพรรคครั้งใหญ่อีกระลอก
ส่วนการยื่นคำร้องตรวจสอบอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และ รมต. คนอื่นๆนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้มีหลากหลายเรื่องราว แต่ถ้าเอาผิดได้สักเรื่องเดียวย่อมบรรลุเป้าหมายแล้ว โดยเรื่องหลักของนายกฯ คาดว่าอยู่ที่สนามกอล์ฟอัลไพน์ หากรัฐบาลไม่ต้องการให้ประชาชนยื่นตรวจสอบต้องแก้ รธน.ตัดสิทธิการตรวจสอบของประชาชน หรือไม่พอใจก็เล่นงานดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วนการแจกดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเงินสดนั้น นายจตุพร ถามว่า มันเป็นดิจิทัลตามประกาศหาเสียงไว้อย่างไร แต่เป็นได้แค่การโกหกซ้ำๆ เป็นวันๆ ไปเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ดิจิทัลยังมีอยู่เพราะจะเป็นทางเปิดไปสู่การขายคอนโด 75% อยู่นาน 99 ปี ซึ่งสิ่งนี้เป็นเป้าหมายของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต.