หวังศาลรธน.มีคำตอบ ปมถอดถอนนายกฯ แกนนำ40สว. มองคดีมีลุ้น 50-50

“นันทิวัฒน์” หวังวันพุธนี้ ศาลรธน.จะมีคำวินิจฉัยที่ให้ปชช.มั่นใจว่า ‘ประเทศนี้ยังมีหลักอยู่ ขณะ “ประพันธ์” มอง 50:50 สอย “เศรษฐา” ร่วงเก้าอี้นายกฯ มั่นใจข้อกฎหมาย-เอกสารหลักฐานแน่น แต่หวั่นมีอภินิหารอื่น หยันคำแถลงปิดแก้ตัวแบบขว้างงูไม่พ้นคอ

วันที่ 12 ส.ค. 2567 นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า….ใครต้องรับผิดชอบ วันพุธที่จะถึงนี้ จะชี้ชะตานายก ว่าอยู่หรือไป หากนายกเศรษฐารอด ไม่ผิด ยังเป็นนายกต่อ จะเกิดคำถามว่า การเสนอชื่อรัฐมนตรีที่มีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ หากผิดก็ไม่ต้องรับผิดชอบ เช่นนั้นหรือ

อย่าลืมหลักการ King can do no wrong ทุกกรณีที่โปรดเกล้า ลงพระปรมาภิไธย ต้องมีผู้รับผิดชอบแทนพระองค์ ใครต้องรับผิดชอบ ผู้กราบบังคมทูลเสนอ ต้องรับผิดชอบ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ หมายความว่า ต่อไปนี้ ใครจะกราบบังคมทูลให้ ทรงลงพระปรมาภิไธย ในพระบรมราชโองการ จะเสนออะไรที่ขัดรัฐธรรมนูญ ผิดกฎหมายแล้ว ไม่ต้องรับผิดชอบ อย่างนั้นหรือเปล่า หวังศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยที่ให้ประชาชน มั่นใจว่า ประเทศนี้ยังมีหลักอยู่

ด้านนายประพันธ์ คูณมี อดีต สว. ในฐานะหนึ่งในผู้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยถอดถอน นายเศรษฐา ทวีสิน ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญว่า ในมุมมองของนักกฎหมายและทนายความจาก ที่อ่านคำชี้แจงและคำแถลงปิดคดีของนายเศรษฐาไม่ค่อยแหลมคม รู้สึกผิดหวัง เพราะแก้ตัวไม่ค่อยมีน้ำหนัก และคาดหวังว่า เมื่อมีนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกฯ แล้ว คอยเป็นกุนซือให้คำปรึกษา แต่คำชี้แจงแถลงกลับเป็นแบบพื้นๆ ไม่มีอะไรใหม่ หรือ มีน้ำหนักหักล้างข้อกล่าวหาของผู้ร้อง 40 อดีต สว.ได้ อีกทั้งยังอ้างความเป็นนักธุรกิจที่ไม่คุ้นเคยกับข้อกฎหมายและเรื่องรัฐศาสตร์ ไม่น่าใช้เป็นข้ออ้างหักล้างข้อกล่าวหาได้

ขณะที่คำแถลงของ 40 สว.ค่อนข้างละเอียด โดยเฉพาะคำสั่งของศาลฎีกา ที่ให้นายพิชิตจำคุกเปรียบเสมือนคำพิพากษา เพราะเรื่องเกิดขึ้นที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงไปจบที่ชั้นศาลฎีกาโดยไม่มีอุทธรณ์ เพราะผู้กระทำความผิดไปกระทำความผิดในศาลฎีกาฯ และศาลฎีกาเป็นผู้ไต่สวนสอบสวนเรื่องนี้ของนายพิชิต พวกเราในฐานะผู้ร้องได้ยื่นเอกสารที่เป็นหนังสือของเลขาศาล ที่ส่งถึงสภาทนายความ ที่เป็นผู้ขอให้เพิกถอนใบอนุญาตของนายพิชิตและพวก เนื่องจากประพฤติผิดมารยาททนายความอย่างร้ายแรง มีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรจากสำนักงานศาล อีกทั้งศาลยังมอบให้เลขาศาลไปแจ้งความดำเนินคดีเองกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งนายกฯ ต้องทราบข้อเท็จจริงนี้อยู่แล้ว

“ในทางกฎหมายและข้อเท็จจริงพยานหลักฐาน นายกฯ ค่อนข้างลำบาก แก้ตัวแบบขว้างงูไม่พ้นคอ แก้ตัวว่าไม่รู้ ลำบาก ครั้งแรกที่ไม่แต่งตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรีก็เพราะสาเหตุนี้ แต่พอมาครั้งที่สองไม่ถามใครเลย ตั้งเลย แล้วจะเอาผลครั้งแรกมาใช้กับครั้งหลังได้หรือไม่ แต่ครั้งแรกก็ถามไม่ละเอียดอยู่แล้ว ความจริงต้องถามทุกมาตรา ไม่ใช่ถามแค่เฉพาะวงเล็บใดวงเล็บหนึ่ง แต่ปัญหาคือครั้งที่สองไม่ได้ถามเลย ดังนั้น ในทางกฎหมายและข้อเท็จจริงเราไม่ได้หนักใจ ถ้าหากเขาจะพ้นหรือจะหลุดมันต้องเหตุอื่นแล้ว ไม่ใช่เหตุทางกฎหมาย อาจจะมีเหตุอภินิหารทางกฎหมายอย่างอื่น ซึ่งในชั้นนี้ก็ต้องบอกว่า 50:50” นายประพันธ์ กล่าวและว่า ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ ตน นายสมชาย แสวงการ และนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีต สว.จะไปรับฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วยตนเอง.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password