‘หอการค้า-สมาคมการค้า’ ยื่น ‘พิพัฒน์’ คัดค้านค่าแรง 400 บาททั่วประเทศ
กรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พร้อมผู้แทนหอการค้าจังหวัด ยื่นหนังสือคัดค้านการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400บาททั่วประเทศ ต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
วันที่ 13 พ.ค. 2567 นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ กรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ รองประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน พร้อมด้วยผู้แทนหอการค้าจังหวัด และสมาคมการค้าที่ใช้แรงงานเข้มข้น เป็นผู้แทนเข้าร่วมประชุมหารือผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำร่วมกับ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน
นายชนินทร์ กล่าวว่า หอการค้าไทย ได้ยื่นหนังสือคัดค้านนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ ต่อรมว.แรงงาน โดยหอการค้าทั่วประเทศ และสมาคมการค้าที่ใช้แรงงานเข้มข้นมากกว่า 95 สมาคมการค้า ได้ร่วมแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยการนโยบายดังกล่าว แต่ยังคงสนับสนุนให้รัฐบาลพิจารณานโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี ตามหลักกฎหมายซึ่งบัญญัติไว้ในมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
ทั้งนี้ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หอการค้าทั่วประเทศ และสมาคมการค้าที่ใช้แรงงานเข้มข้น ต้องการที่เสนอแนะต่อนโยบายการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาล ดังนี้
1.เห็นด้วยกับการยกระดับรายได้เพื่อแรงงานไทยในไทย แต่การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประจำปีควรปรับตามที่กฎหมายบัญญัติกำหนดไว้ในมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ส่วนการยกระดับรายได้ลูกจ้างให้สูงขึ้น ก็สามารถทำได้โดยกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน ซึ่งกฎหมายบัญญัติกำหนดไว้แล้วเช่นกัน
2.ไม่เห็นด้วยกับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ โดยไม่คำนึงถึงผลการศึกษาและการรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะจากคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด และคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) อีกทั้ง ปัจจุบันรัฐบาลได้ดำเนินการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี 2567 ไปแล้ว 2 ครั้ง จึงไม่ควรมีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประจำปีเป็นครั้งที่ 3
3.อัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเพียงอัตราค่าจ้างของแรงงานแรกเข้าที่ยังไม่มีฝีมือ แต่การปรับอัตราจ้างควรพิจารณาจากทักษะฝีมือแรงงาน ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งส่งเสริมมาตรการทางภาษี ลดอุปสรรคต่อการพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการและแรงงาน ให้ความสำคัญกับการ UP-Skill & Re-Skill และ New Skill เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะฝีมือให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และเพิ่มผลิตภาพแรงงาน (Labor Productivity)
4.การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเฉพาะพื้นที่จังหวัดและประเภทธุรกิจ ควรให้มีการรับฟังความคิดเห็นและศึกษาถึงความพร้อมของแต่ละพื้นที่จังหวัดและประเภทธุรกิจ รวมทั้งควรให้มีการหารือร่วมกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำความเข้าใจก่อนปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเฉพาะพื้นที่จังหวัดและประเภทธุรกิจ ดังกล่าว
ทั้งนี้ รมว.แรงงาน ได้รับข้อเสนอของภาคเอกชน ไปพิจารณาหารือกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป.