‘เศรษฐา’ รับ นายกฯ หน้าใหม่ ขอคำแนะนำ ‘ทักษิณ’ แนะ รมต. ทำงาน ไม่วิ่ง ‘ปรับครม.’
‘เศรษฐา ทวีสิน’ ยอมรับ เป็น นายกฯ หน้าใหม่ จำเป็นต้องขอคำแนะนำ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ แนะ รัฐมนตรี ให้ตั้งหน้าตั้งตา ทำงาน ไม่วิ่ง ‘ปรับครม.’
วันที่ 16 เม.ย.2567 ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารดน้ำขอพร นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงความชัดเจนในการปรับครม. ว่า อย่างที่บอกยังไม่มี ตนไม่ได้บอกมีการปรับ พวกท่านไปพูดกันเอง แต่ว่ามันก็ต้องปรับวันหนึ่ง อย่าเพิ่งเลยครับ ถ้าเกิดปรับก็ทราบกันเอง อย่าให้รัฐมนตรีที่มีรายชื่อหวั่นไหวเลย ตนว่าเร่งทำงานกันดีกว่า ทุกๆ วันมันก็มีค่า แทนที่ต้องวิ่งเต้นวิ่งเส้นมาหาท่านนั้นท่านนี้
นายเศรษฐา กล่าวว่า การพูดคุยกับนายทักษิณวันนี้เป็นปัญหาบ้านเมืองธรรมดา ปัญหาเรื่องข้าวโพด การเผาป่า ความสะอาดของบ้านเมือง เป็นเรื่องธรรมดา เรื่องเมียนมาก็มีการพูดคุยกัน เมื่อถามว่า ต้องมีการพูดคุยกับรัฐมนตรีที่มีชื่อในโผ อาจจะต้องเคลียร์กัน นายกฯ กล่าวว่า ไม่เคลียร์ครับ ตนไม่ได้เป็นคนเขียน ตนไม่เคลียร์อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า อยากให้ทุกคนตั้งใจทำงานมากกว่าใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนพูดมาโดยตลอด 1 เดือนที่มีข่าวปรับครม. “ผมว่าบอกตรงๆ ภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดคือการทำงาน การทำงานที่ถูกต้องดำเนินตามนโยบายของรัฐบาล ของแต่ละกระทรวงก็มีนโยบายเรือธงอยู่แล้ว ทุกท่านทราบอยู่แล้วต้องทำอะไรบ้าง”
เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลมีการส่งสัญญาณขอปรับครม.มาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เขาทราบอยู่แล้ว ก็เป็นสิทธิของเขาอยู่แล้ว อยู่ดีๆ ตนคงไม่โทรไปถามว่าใครอยากปรับใครบ้าง แต่แน่นอนพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังเหลือ1เก้าอี้ เมื่อถามว่า ยังไม่มีการส่งสัญญาณใดๆ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุย เมื่อถามว่า การเข้าพบนายทักษิณมีเมนูพิเศษอะไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี ตนทานไอซ์อเมริกาโน่ไม่ใส่น้ำตาล เพราะยังไม่ได้ทานอะไรจนกระทั่งเที่ยง ไม่มีเมนูพิเศษอะไร
เมื่อถามว่า นายทักษิณ แนะนำอะไรในส่วนของการทำงาน นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีครับ ก็พูดคุยกันเรื่องบ้านเมืองธรรมดา แชร์ข้อมูลกันสมัยท่านมีอะไรบ้าง สมัยนี้มีอะไรบ้าง โลกเปลี่ยนไปอย่างไร ท่านก็เป็นกำลังใจให้ เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และทุกท่านก็เป็นห่วงเรื่องบ้านเมือง “ถ้าเกิดต้องการความช่วยเหลือจากท่าน ท่านก็บอกโทรมาได้ทุกเมื่อ พร้อมให้คำแนะนำ”
เมื่อถามว่า มีเสียงวิจารณ์ช่วงสงกรานต์ นายกฯ พักผ่อนกับครอบครัว แต่บรรดารัฐมนตรีไปพบนายทักษิณจำนวนมาก มองอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า สื่อต้องบอกตนว่ามองอย่างไร ตนจะได้ตอบได้ สื่อมองอย่างไรก็ถามมาตรงๆ
เมื่อถามว่า มีแต่รัฐมนตรีไปอยู่กับนายทักษิณ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนว่าเขารู้จักกันมานานว่าตน ท่านเป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย อย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ไม่ต้องเอยชื่อทุกคนหรอก ทุกท่านก็รู้จักกับนายทักษิณมานานกว่าตน ให้ความเคารพกันมายาวนาน นายทักษิณก็อายุมากกว่ารัฐมนตรีทุกท่านอยู่แล้ว เป็นธรรมดาที่คนที่ตนเอยชื่ออายุมากกว่าตน ตนไม่ได้คิดอะไร เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วถ้าท่านพยายามจะบอกว่าท่านได้ความนิยมชมชอบมากกว่าตนก็ไม่ติดอะไรอยู่แล้ว เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว รับได้อยู่แล้วตรงนี้ ไม่ได้มีอะไร วันสงกรานต์ก็เป็นวันของครอบครัวอยู่แล้ว เชียงใหม่เป็นเมืองที่น่าเที่ยว หลายท่านก็ไปรดน้ำดำหัวเป็นประเพณีพื้นฐานอยู่แล้ว และท่านก็เป็นคนที่คนในพรรคให้ความเคารพ ไม่ใช่แค่รัฐมนตี สส.ก็ไปหลายคน
นายกฯ กล่าวอีกว่า ตนว่าอย่าคิดอะไรมากเลย คนมาเยี่ยมนายทักษิณ เพราะเป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย เป็นผู้ใหญ่ที่ทุกคนในบ้านเมืองให้ความเคารพ เป็นคนที่มีความรู้ “เป็นธรรมดาที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรีหน้าใหม่ ผมก็ต้องมาขอคำแนะนำ หรือพูดคุยปัญหาบ้านเมือง เล่าให้ฟังว่าทำอะไรอยู่บ้าง เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ผมเจอผู้ใหญ่หลายๆคนในบ้านเมืองผมก็ปรึกษา ผมก็ทำงานอยู่แล้ว ไม่ได้มีอะไร” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า เหตุใดถึงมีกระแสข่าวว่า นายกฯ จะควบรมว.กลาโหม นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ทราบ คงเป็นเรื่องที่ตนไปเยี่ยมทหาร เยี่ยมบ้านพัก หรือมีความสนิทกับผู้นำเหล่าทัพ มีการยกหูคุยกันได้ เป็นหน้าที่อยู่แล้ว ตนเป็นนายกฯ ขอให้ท่านช่วยดูแลเรื่องชายแดน พื้นที่ทำกินของราษฎร ท่านก็ตอบสนองได้ดี “ตรงนี้มันไม่จำเป็นต้องเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง หรือรมว.กลาโหม เพราะสถาบันทหาร สถาบันความมั่นคงมีความเป็นมืออาชีพ มีวินัย ถ้าเกิดนายกฯ ขออะไรไปแล้วเป็นเรื่องที่เหมาะสม ถูกต้อง ผมเชื่อว่าทุกคนพร้อมทำให้อยู่แล้ว ตรงนี้ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาพูดคุยหรือมโนภาพว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็คุยกับรมว.พาณิชย์ ปลัดฯ อธิบดีในกระทรวงพาณิชย์อยู่หลายท่าน ก็ทำไมไม่บอกผมควบ รมว.พาณิชย์ บ้าง มันเป็นหน้าที่อยู่แล้วที่ต้องพูดคุยกัน ไม่ได้มีนัยอะไร