ตลท. ขานรับ! นโยบาย นายกฯ ดันไทยเป็น “วอลล์สตรีทอาเซียน”
“ภากร ปิตธวัชชัย” กก.ผจก. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขานรับนโยบาย ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ดันไทยเป็นวอลล์สตรีทอาเซียน พร้อมหนุนจัดตั้งระบบนิเวศของคาร์บอนเครดิตให้เกิดขึ้นโดยเร็ว
วันที่ 27 ก.พ. 2567 นายภากร ปิตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่าตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แล ะรมว.คลัง หารือกับ นายพิชัย ชุณหวชิร ประธานกรรมการ ตลท. และ นายคมกฤช เกียรติดุริยกุล กรรมการ ตลท. เกี่ยวกับการผลักดันให้ไทยเป็น วอลล์สตรีทของอาเซียน นั้น จะเห็นว่าเกี่ยวเนื่องใน 4 ส่วน ได้แก่ จะทำอย่างไรให้ ตลาดหุ้นไทยมีผลิตภัณฑ์ต่างประเทศ จะทำอย่างไรให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลของไทยเจริญเติบโต รวมถึงอยากให้ไทยมีตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิต และ ต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นศูนย์กลางในการให้บริการของตลาดทุนในภูมิภาคนี้
นายภากร กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ตลท. มีความตั้งใจจะดำเนินการมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล คาร์บอนเครดิต หรือ การนำผลิตภัณฑ์ต่างประเทศเข้ามาอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ ตลท.จำเป็นต้องทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ และพร้อมที่จะสนับสนุน ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อจัดตั้งระบบนิเวศของคาร์บอนเครดิต รวมถึง ตลท.ได้มีการวางโครงการสร้างพื้นฐานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลที่ดีและแข็งแรงอยู่แล้ว จะช่วยทำให้การจัดตั้งระบบนิเวศของคาร์บอนเครดิตเกิดขึ้นได้รวดเร็ว
นอกจากนี้ในส่วนของการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Center) โดยต้องมีการร่วมมือกับหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ กรมส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งมีหลายเรื่องที่ต้องร่วมช่วยกันทำเพื่อที่จะมีขีดความสามารถในการแข่งกับประเทศอื่นที่เป็นศูนย์กลางการเงินระดับภูมิภาคได้
ดังนั้นในส่วนของมาตรการยกระดับความเชื่อมั่นเรื่อง Short Selling และ Program Trading รวมถึงมาตรการเพิ่มการเปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณชน ประกอบด้วยมาตรการเกี่ยวกับการลดความผันผวนที่ผิดปกติของราคาหลักทรัพย์, มาตรการเกี่ยวกับการกำกับดูแลพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม และ มาตรการที่เป็นการเพิ่มความคุ้มครองผู้ลงทุน คาดว่าจะมีความชัดเจนและมีผลบังคับใช้ได้ภายในช่วงไตรมาส 2