เอสซีจี ลั่น! ต้องรัดเข็มขัด เผยรายได้หาย-กำไรหดปรับเป้าโตต่ำกว่า 10%
เอสซีจี เผย ต้องรัดเข็มขัด หลัง รายได้หาย-กำไรหด ปรับเป้าโตต่ำกว่า 10% หั่นงบลงทุนเหลือ 4 หมื่นล้านบาท พร้อมเปิดรายได้ไตรมาส 2/66 ทำได้ 1.24 แสนล้านบาท ลดลง 18% จากราคาขายเคมีภัณฑ์ตก ชี้ต้องรัดเข็มขัดจากศก.โลก มีความท้าทายสูง
วันที่ 28 ก.ค. 2566 นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCG เปิดเผยว่าผลประกอบการไตรมาส 2/2566 มีกำไรสำหรับงวด 8,082 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19% มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 124,631 ล้านบาท ลดลง 18% จากยอดขายที่ลดลงของทุกกลุ่มธุรกิจ สาเหตุหลักจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลง เนื่องจากส่วนต่างราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์ ประกอบกับเงินปันผลรับในไตรมาส 2/2565 สูงกว่าปกติ จากการปรับรอบเงินปันผลของบริษัทที่เอสซีจีลงทุนในธุรกิจอื่น
ทั้งนี้ ยอมรับว่าปีนี้รายได้จะลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะโตได้ 10% และลดลงจากปีก่อนที่ทำได้ 582,292.21 ล้านบาท หลังจากครึ่งแรกของปีนี้มีรายได้จากการขาย 253,379 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17% ตามยอดขายที่ลดลงของทุกกลุ่มธุรกิจตามสถานการณ์ตลาดที่อ่อนตัว ดังนั้น บริษัทจึงได้ตัดสินใจปรับลดงบลงทุนปี 2566 ลง 10,000 ล้านบาท เหลือ 40,000 ล้านบาท จากเดิมวางไว้ 50,000 ล้านบาท เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากปัจจัยต่างๆ ในช่วงที่สถานการณ์ยังไม่สู้ดี
“เราต้องรัดเข็มขัด เนื่องด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังมีความท้าทายสูง ต้องระวังให้มากขึ้น แต่การลงทุนโครงการปิโตรเคมีครบวงจร LSP ที่เวียดนามต้องทำให้เสร็จภายในไตรมาส 4/2566 ตามแผนที่กำหนดไว้ รวมถึงโครงการลดต้นทุนจากพลังงานสะอาด ที่เอสซีจีร่วมกับบริษัท Avantium N.V. เนเธอร์แลนด์ และบริษัท ไอเอชไอ (IHI) จากญี่ปุ่น สร้างโรงงานต้นแบบนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาแปรสภาพเป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีรักษ์โลก” นายรุ่งโรจน์ กล่าว
นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่าประเมินภาพรวมธุรกิจช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ยังมีความท้าทายทั้งจากปัจจัยในประเทศ โดยเฉพาะมีความกังวลต่อโครงการลงทุนภาครัฐที่อาจล่าช้าออกไป หลังสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อ รวมถึงภาวะโลกร้อนก็ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม ส่งผลต่อยอดขายในไทยช่วงครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะทรงตัว เห็นได้จากไตรมาส 3/2566 เป็นช่วงโลซีซั่นของธุรกิจซีเมนต์ ส่งผลต่อความต้องการลดลง ธุรกิจเคมิคอลส์มีซัพพลายใหม่จากจีนและสหรัฐเข้ามา ทำให้ราคาขายยังอ่อนตัวลงต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกราคาขายลดลงประมาณ 10-20%
อย่างไรก็จามปัจจัยต่างประเทศยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโนบายต่อเนื่อง สะท้อนเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง แต่อย่างไรก็ดียังมีความหวังว่าเศรษฐกิจเวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เริ่มฟื้นตัวจากภาวะซบเซาจะผลักดันยอดขายต่างประเทศครึ่งปีหลังปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก สำหรับความคืบหน้าการนำ บมจ.เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) นั้น บริษัทเตรียมนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในช่วงเดือนส.ค.-ก.ย.นี้ เพื่อสรุปกรอบเวลาการนำ SCGC เข้าตลท. หลังจากเลื่อนมาจากปีก่อน และล่าสุดมีกำหนดเข้าเทรดในช่วงไตรมาส 4/2566