ป.ป.ช.ไม่นิ่ง เร่ง 6 มาตรการป้องกันทุจริตรถบรรทุกน้ำหนักเกิน
สำนักงาน ป.ป.ช. นิ่งไม่ได้แล้ว! หลังก้าวไกลปูดข่าว “ส่วยสติกเกอร์” เชื่อ! จนท.รัฐมีเอี่ยวแน่ เผยอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง พร้อมเร่งเครื่องติดตามหน่วยงานภาครัฐเดินหน้ามาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับรถบรรทุกน้ำหนักเกินอย่างจริงจัง ย้ำ! ไม่ปล่อยผ่าน มั่นใจ! หากมีมาตรการเข้มข้น นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการชั่งน้ำหนัก จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องส่วยได้ แนะ จนท.ต้องยึดหลักธรรมาภิบาล
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะ โฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยถึง มาตรการในการติดตาม ควบคุม และลดปัญหาการทุจริตรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ว่า เป็นเรื่องที่สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ดำเนินการขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เสนอมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับรถบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดต่อคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2564 เพื่อเป็นมาตรการในการแก้ไขปัญหา เพราะเล็งเห็นว่าทำให้เกิดความเสียหายต่อทางหลวงแผ่นดินและถนนหมดอายุการใช้งานก่อนช่วงเวลาที่ได้ออกแบบไว้ ทำให้ภาครัฐต้องใช้เงินงบประมาณจำนวนมากในการซ่อมแซมและบำรุงรักษาถนน และยังเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน
โดย คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564 รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตดังกล่าว ตามที่ ป.ป.ช.เสนอ และกำหนดให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับข้อเสนอแนะนำไปดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งประกอบด้วย 6 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1. การบังคับใช้กฎหมายให้สามารถเอาผิดและลงโทษผู้ประกอบการที่บรรทุกน้ำหนักเกินได้อย่างเป็นรูปธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84
2.พิจารณาการจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MoU) ในการควบคุม กำกับ ดูแลถนนในแต่ละเขตความรับผิดชอบอย่างบูรณาการ
3.จัดให้มีการประชุมหารือร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาในประเด็นการบังคับใช้กฎหมาย
4.ให้มีการออกมาตรการให้รถบรรทุกมีใบชั่งระบุน้ำหนักบรรทุกตั้งแต่ต้นทาง โดยเครื่องชั่งที่ได้รับการตรวจสอบมาตรฐานจากสำนักงานกลางชั่งตวงวัด กระทรวงพาณิชย์ การควบคุมน้ำหนักที่ต้นทางให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และรถบรรทุกต้องจัดให้มีป้ายแสดงน้ำหนักที่บรรทุกจริงขณะวิ่งด้วย พร้อมทั้งสร้างช่องทางให้ประชาชนแจ้งเบาะแสเมื่อพบผู้กระทำความผิด
5.ผลักดันการนำระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติมาใช้ในการดำเนินการ เช่น เทคโนโลยีการตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุกโดยใช้เครื่องชั่งน้ำหนักขณะเคลื่อนที่ความเร็วสูง (High-speed weigh-in-motion: HSWIV) และเทคโนโลยีการตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุกชนิดติดตั้งใต้สะพาน (Bridge weigh-in-motion: BVIM) มาใช้ในการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกิน เพื่อลดปฏิสัมพันธ์และการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการชั่งน้ำหนัก
6.เพิ่มมาตรการการกำกับดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่มีปัญหาการทุจริต
ทั้งนี้ จากการติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการตามข้อเสนอแนะข้างต้น พบว่า กระทรวงคมนาคม ได้มีการกำหนดเป็นมาตรการระยะสั้น และมาตรการระยะยาว เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ อาทิ มีการจัดหลักสูตรอบรมให้แก่เจ้าหน้าที่ให้เข้าใจเกี่ยวกับการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกิน, กรมทางหลวงได้จัดทำ MoU ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดการกับรถบรรทุกที่กระทำผิดอย่างเข้มงวด, นำระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติมาใช้ในการดำเนินการ
ซึ่งปัจจุบัน กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท ได้มีการนำระบบเทคโนโลยีการตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุกโดยใช้เครื่องชั่งน้ำหนักขณะเคลื่อนที่ความเร็วสูง (High-speed weigh-in-motion: HSWIV) และเทคโนโลยีการตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุกชนิดติดตั้งใต้สะพาน (Bridge weigh-in-motion: BVIM) มาใช้แล้ว แต่ยังขาดการรับรองเครื่องชั่งน้ำหนักจากสำนักงานกลางชั่งตวงวัดเพื่อให้สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ โดย กระทรวงคมนาคม ได้มีแนวทางในการพิจารณารายละเอียด การบันทึกน้ำหนักโดยเครื่องชั่งน้ำหนักขณะรถเคลื่อนที่ หรือ WIM ทุกรูปแบบ และรูปถ่ายจากกล้อง CCTV เพื่อให้สามารถเป็นเครื่องมือตรวจจับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เพื่อศึกษาวิจัยความพร้อม และความเที่ยงตรงของเทคโนโลยีก่อนนำมาเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบจับกุมในอนาคต และจะดำเนินการตั้งหน่วยชั่งน้ำหนักยานพาหนะเคลื่อนที่ (Spot Check) เพื่อป้องกันรถบรรทุกหลีกเลี่ยงการเข้าจุดชั่งน้ำหนัก เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สำนักงาน ป.ป.ช. ได้เร่งผลักดันให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานเชิงรุกเพื่อป้องกันการทุจริตรถบรรทุกน้ำหนักเกิน เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลเสียกับประเทศชาติ ซึ่งไม่ได้เพียงแต่เรื่องของการบรรทุกน้ำหนักเกิน ยังรวมไปถึงเรื่องที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ขับขี่บนท้องถนนด้วย อาทิ การที่รถบรรทุกหนักวิ่งช้าแต่วิ่งเลนขวาสุดตลอดทาง ทำให้รถเล็กที่มีความเร็วมากกว่าต้องขับแซงซ้ายซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เป็นต้น
โดยในเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ ก็เป็นสิ่งที่ต้องกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจตรากวดขัน บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง รวมถึงกำชับไปยังเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ควรยึดมั่นในการปฏิบัติงานด้วยความสุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ และส่วนตัวเชื่อว่า จากกรณีที่เป็นข่าวส่วยสติกเกอร์ น่าจะมีเจ้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานที่ร่วมแก้ปัญหาทุจริตรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ควรมีการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในกระบวนการติดตามตรวจสอบ เพราะนอกจากจะมีความแม่นยำแล้ว ยังช่วยลดดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งจะเป็นการปิดช่องโหว่ของการทุจริตคอร์รัปชันได้.