ชูวิทย์ ‘เอาตาย’ จี้สอบทนายตั้ม! เผยโทษหนักสุด ‘ลบชื่อ-ถอนใบอนุญาต’
“ชูวิทย์” ร้องสภาทนายความฯ จี้สอบมรรยาท “ทนายตั้ม” โฆษณาเรียกราคาว่าความ เผย! โทษหนักสุด! ถึงขั้นลบชื่อ – เพิกถอนใบอนุญาตทนายความ หวังสร้างพื้นฐานจริยธรรมและศีลธรรมอันดี ด้านอุปนายกฯฝ่ายช่วยเหลือด้าน กม.ระบุ! ทนายตั้มทำแบบนี้หลายครั้งหลายหนแล้ว ย้ำ! พฤติกรรมไม่สมควร ส่วนกรรมการมรรยาท ชี้! เคยถูกร้องเรียนมาแล้ว 12 ครั้ง
เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2566 ณ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนพหลโยธิน, นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนเพื่อขอให้สอบมรรยาททนายความของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เนื่องจากมีพฤติกรรมหลายอย่างที่เข้าข่ายผิดต่อมรรยาททนายความ โดยมีนายวัชระ สุคนธ์ กรรมการมรรยาททนายความเป็น และนายสมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายเป็นผู้รับเรื่อง
โดยเฉพาะกรณีที่ ทนายตั้มตั้งโต๊ะแถลงข่าวโจมตีตน ซึ่งไม่ได้รู้จักกันและไม่ได้เป็นคู่ความ จึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีวัตถุประสงค์ใด ไม่เข้าใจว่ากล่าวหาโจมตี ประจานตนและลูกชาย อีกทั้งใช้สื่อออนไลน์กล่าวโจมตีมาตลอด ดังนั้น ในวันนี้ ตนจึงนำหนังสือมาร้องเรียนต่อนายกสภาทนายความฯ ให้ตรวจสอบว่า นายษิทราฝ่าฝืนข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยเรื่องมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หมวด 4 หรือไม่ และขอให้ลบชื่อออก และเพิกถอน ใบประกอบวิชาชีพ เพื่อเป็นตัวอย่าง บนพื้นฐานจริยธรรมและศีลธรรมอันดี
“ปัจจุบันมีทนายความหลายคนที่ให้ข้อมูลทางโซเชียล แต่ไม่ครบถ้วน จึงต้องการปราบแก๊งทนายโซเชียล ซึ่งตนมองว่าเป็นอันตรายต่อประชาชน ในการโฆษณา เรียกราคา ซึ่งอาชีพทนายความควรพิสูจน์ฝีมือ การว่าความไม่ใช่การพูดผ่านโซเชียลให้ประชาชนหลงเชื่อ ถูกหลอก ด้วยข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือข้อมูลผิดๆ” นายชูวิทย์ กล่าว
ขณะที่ นายสมพร (อุปนายกสภาทนายความฯ) กล่าวว่า หลายครั้งหลายคราวที่ ทนายตั้ม แถลงข่าวออกสื่อ ส่วนตัวก็เห็นว่าไม่สมควร เข้าข่ายผิดมรรยาททนายความ ซึ่งต้องนำเสนอต่อคณะกรรมการมรรยาททนายความพิจารณาต่อไป ขณะที่ทนายความคนอื่นก็ต้องวางตัวให้เหมาะสมเช่นกันด้วย
สำหรับการพิจารณาลงโทษทนายความที่ทำผิดมรรยาททนายความ มี 4 ระดับ คือ ว่ากล่าวตักเตือน , ภาคทัณฑ์ , พักใบอนุญาต ไม่เกิน 3 ปี และโทษหนักสุดคือลบชื่อออกจากการเป็นทนายความ ส่วนการว่ากล่าวตักเตือน และภาคทัณฑ์ นั้นยังสามารถว่าความได้ แต่ความผิดที่ถูกพักใบอนุญาตและลบชื่อออกจะเป็นทนายความนั้น ห้ามว่าความโดยเด็ดขาด
ด้าน นายวัชระ (กรรมการมรรยาททนายความฯ) กล่าวว่า จะนำหลักฐานไปตรวจสอบโดยตั้งเป็นรูปแบบคณะกรรมการตรวจสอบ ซึ่งที่ผ่านมาทนายษิทราเคยถูกร้องเรียนการทำหน้าที่ของทนายมากกว่า 12 เรื่อง บางเรื่องอยู่ระหว่างตรวจสอบและบางเรื่องคณะกรรมการยกคำร้องไป
สำหรับ ทนายความที่ถูกลบชื่อออกจากการเป็นทนายความนั้น ผู้ถูกร้องยังมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ไปยัง รมว.ยุติธรรม เพื่ออุทธรณ์คำสั่งของสภาทนายความ หาก รมว.ยุติธรรม ยังมีความเห็นเหมือนเช่นเดียวกับสภาทนายความ ก็ยังสามารถฟ้องศาลปกครอง เพื่อพิจารณาต่อไป และหากครบกำหนด 5 ปี ที่ถูกลบชื่อออกจากการไปทนายความ สามารถยื่นเรื่องขอกลับมาเป็นทนายความกับสภาทนายความได้ แต่คณะกรรมการจะพิจารณาว่าสมควรจะให้กลับมาเป็นทนายความได้อีกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถมาร้องเรียนมาที่สภาทนายความได้ หากพบทนายความที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายผิดมรรยาททนายความ สภาทนายความพร้อมจะดำเนินการตรวจสอบทันที.