สถิติฟ้อง! ‘เมาขับรถ’ ทำคนไทยขึ้นศาลมากสุด! ห้วงเทศกาลสงกรานต์
โฆษกศาลยุติธรรม เผย! “เมาขับรถ” กลายเป็นคดีความที่ขึ้นโรงขึ้นศาลมากสุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รองลงมาคือขับรถไม่มีใบขับขี่ ระบุรวมปมสู่การพิจารณาพิพากษาคดีในปี 64 และ 65 มีมากถึง 1.3 หมื่นเคสท์ และ 1.8 หมื่นเคสท์ เตือน! คนไทย “เมาไม่ขับรถ” ไป-กลับบ้านต่างจังหวัดช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ เชื่อ! ช่วยลดคดี แถมป้องกันอุบัติเหตุได้อีก
เมื่อวันที่ 10 เม.ย. นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า สัปดาห์นี้กำลังเข้าสู่ช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทย ซึ่งพี่น้องประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อใช้เวลาอยู่กับครอบครัว รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ร่วมงานบุญสงกรานต์ตามประเพณี ตลอดจนใช้เวลาพักผ่อนตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ก็ขอให้วางแผนการเดินทาง ศึกษาเส้นทางเพื่อเลือกเส้นทางที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงการทำผิดกฎหมายจราจร ซึ่งจะเป็นการลดความความเสี่ยงต่อการสูญเสียใด ๆ โดยช่วงเทศกาลสงกรานต์ทุก ๆ ปี หน่วยงานภาครัฐร่วมกันรณรงค์การลดอุบัติเหตุการสูญเสียชีวิต ทรัพย์สิน และการกระทำผิดกฎหมายจราจร และเฝ้าติดตามสถิติต่าง ๆ
โดยในส่วนของ สำนักงานศาลยุติธรรมได้รวบรวมสถิติคดีกระทำผิด พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เมื่อนำมาเปรียบเทียบย้อนหลัง 2 ปี ในช่วงการรณรงค์ 7 วันอันตราย ระหว่าง พ.ศ. 2564 – พ.ศ. 2565 พบว่า ในปี 2564 มีผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว ขึ้นสู่การพิจารณาพิพากษาคดี รวมทั้งสิ้น 13,103 คน ข้อหาที่มีผู้กระทำความผิดสูงสุดอันดับหนึ่งคือ ขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 12,213 คน คิดเป็น 93.21 % รองลงมาเป็น ข้อหาขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต จำนวน 816 คน คิดเป็น 6.23 % ขับรถขณะเสพยาเสพติด จำนวน 40 คน คิดเป็น 0.31 % และ ขับรถโดยประมาท จำนวน 34 คน คิดเป็น 0.26 % ตามลำดับ
ส่วนในปี 2565 มี ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว ขึ้นสู่การพิจารณาพิพากษาคดี รวมทั้งสิ้น 17,909 คน ข้อหาที่มีผู้กระทำความผิดสูงสุดอันดับหนึ่งคือ ขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 15,608 คน คิดเป็น 87.15 % รองลงมาเป็นข้อหาขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต จำนวน 1,274 คน คิดเป็น 7.11 % ขับรถขณะเสพยาเสพติด จำนวน 980 คน คิดเป็น 5.47 % และขับรถโดยประมาท จำนวน 47 คน คิดเป็น 0.26% ตามลำดับ
ทั้งนี้ หากดูจากสถิติ 2 ปี ที่ผ่านมา จะเห็นว่าผู้กระทำความผิดข้อหาขับรถขณะเมาสุรา มีจำนวนเพิ่มขึ้น 3,395 คน คิดเป็น 27.8 % สะท้อนให้เห็นว่าผู้ขับขี่ยังขาดความระมัดระวังอยู่มาก ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายทั้งกับตัวเองและผู้อื่นที่ใช้ถนนร่วมกัน ดังนั้น ขอให้พี่น้องประชาชน ขับขี่อย่างปลอดภัย ใส่ใจเพื่อนร่วมทางและรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อช่วยลดอัตราการเกิดคดีกับตนเองและลดปริมาณคดีเข้าสู่ศาลด้วย.