“บิ๊กโจ๊ก” เตรียม! แถลงข่าว ปม “16 ตร.-DSI” รีดเงิน 20 ล้าน ทุนจีนสีเทา หลัง “ชูวิทย์” แพร่คลิปฉาว
“บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เตรียมแถลงบ่ายนี้ ปมตำรวจ 191 และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเรียกรับผลประโยชน์ 20 ล้าน กรณีค้นสถานรับรองจากสถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย
จากกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ออกมายื่นเรื่องให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบกรณีตำรวจ 191 ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอชไอ) เข้าตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งมีการแอบอ้างว่าได้รับการรับรองจากสถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย แต่ภายในกลับมีคนจีนเข้าออกพลุกพล่าน หลังเข้าตรวจค้นตามหมายค้นของศาลแล้วพบคนจีน 1 ราย พร้อมเงินสดจำนวน 2.5 ล้านบาท จึงได้ทำการตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อทำการตรวจสอบ ตามที่ได้นำเสนอข่าวเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2565
นายอัจฉริยะ ให้ข้อมูลว่า แท้จริงแล้วได้มีตำรวจ 10 นาย และเจ้าหน้าที่เดีเอสไอ 3 นาย ร่วมกันเข้าค้นบ้าน โดยตรวจพบบุคคลสัญชาติจีนในบ้านหลังดังกล่าวมากถึง 11 คน รวมทั้งยังพบเงินสดภายในบ้านอีกกว่า 10 ล้านบาท แต่เจ้าหน้าที่กลับเรียกรับผลประโยชน์จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัวคนจีนทั้ง 11 คน และนำตัวหญิงชาวจีนซึ่งเป็นคนดูแลบ้าน พร้อมเงินสดเพียง 2.5 ล้านบาท ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบ
ล่าสุด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า มีเหตุการณ์ตามที่กล่าวเกิดขึ้นจริง จึงได้สืบสวนขยายผลจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับตำรวจ 191 เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 16 ราย โดยตำรวจและดีเอสไอได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว จำนวน 15 นาย ซึ่งทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีหลักประกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ม.ค. 2566) จะมีการประชุมเร่งรัดคดี โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะมีการแถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ในเวลา 13.00 น.
ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตเจ้าของธุรกิจสถานบริการ และอดีตนักการเมือง ออกเผยแพร่คลิปขณะเจ้าหน้าที่เรียบรับเงินทุนจีนสีเทา พร้อมระบุข้อความว่า เรื่อง จีนเทา ผลประโยชน์เงินมาก กล้าจ่าย จึงหลุดรอดไปทุกครั้ง ครั้งนี้อ้างเป็น “บ้านพักกงสุลใหญ่นาอูรู” (ประเทศนาอูรูเป็นเกาะกลางมหาสมุทรแปซิฟิค มีพื้นที่ 21 ตารางกิโลเมตร มีจำนวนประชากรเพียง 10,670 คน น้อยเป็นอันดับ 2 ของโลก) เป็นแหล่งของพวกจีนเทานิยมไปแปลงสัญชาติ ใช้พาสปอร์ตนาอูรูในการทำธุรกรรม หรือเดินทาง บ้านหลังดังกล่าว จีนเทาใช้เป็นที่ทำ “พาสปอร์ตและวีซ่าปลอม” ของประเทศนาอูรู แต่อ้างว่าเป็น “บ้านพักกงสุลใหญ่นาอูรู”
เหตุเกิดวันที่ 22 ธันวาคม 65 DSI ประสานไปที่ รอง ผบช.น. เพื่อให้ขอศาลออกหมายค้นบ้านโดยยังไม่ได้ตั้งเลขคดี พอศาลออกหมายค้นให้ DSI ก็ขอกำลังตำรวจ 191 และมีทหาร 1 นาย เข้าร่วมค้นบ้านพบจีน 11 คน มีหมายแดงจากประเทศจีน และมี 1 คนหนีมาจาก “จินหลิง” พบเงินสด 8 ล้านบาท แต่กลับโลภ ยักเอาไว้ 5.5 ล้าน นำส่งบันทึกไว้แค่ 2.5 ล้าน
5.5 ล้าน แบ่งกันระหว่าง DSI กับ 191 แต่ยังแบ่งไม่ลงตัว จึงให้จีนเทาไปเอาเงินสดมาอีก 4 ล้าน นัดให้เอามาส่งที่ปั๊มน้ำมัน DSI ให้ล่ามจีนที่พามาด้วย ไปนำเงิน 4 ล้านในถุงกระดาษหิ้วออกมาจากปั๊ม จาก 5.5 ล้าน ขอเพิ่มอีก 4 ล้าน รวมเป็น 9.5 ล้าน นำไปจัดสรร โดยโทรศัพท์แจ้งไปที่ท็อปเจ้าหน้าที่ระดับสูง DSI ว่าได้เงินเรียบร้อยแล้วจากนั้นก็ปล่อยตัวจีนเทาไปทั้งหมด.