รมสุ้ม : รุมส้ม!!??

(เมื่อความกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง หลอมคนต่างขั้วให้เป็นฝ่ายเดียวกัน)

แรงกดดันหลายทิศทางที่ถาโถมใส่พรรคสีส้ม ไม่ได้สะท้อนเพียงเกมเลือกตั้ง หากสะท้อนความหวั่นไหวของระบบต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ท่ามกลางคดีซ้อน วาทกรรมจริยธรรม และปฏิบัติการจุลภาคที่บั่นทอนความน่าเชื่อถือ คำถามสำคัญจึงไม่ใช่ “พรรคส้มผิดหรือไม่?” แต่คือ “ระบบกำลังกลัวอะไร?” ไม่แน่! สิ่งนี้อาจก่อกระแสตีกลับ? กลายเป็นคุณในห้วงการเลือกตั้งต้นปีหน้า

วลีประดิษฐ์ “รมสุ้ม : รุ้มส้มที่ “ทีมข่าวยุทธศาสตร์” รังสรรค์ขึ้นมา! เพื่ออธิบายถึง ปรากฏการณ์การเมืองไทย ในห้วงเวลานี้ ที่กำลังฉายภาพหลากหลายเหตุในทางการเมือง แต่มี “จุดโฟกัส” เดียวกัน!

ถล่ม! พรรคประชาชน!!??

ในลักษณะ “ต่างคนต่างทำ ต่างกรรมต่างวาระ” ไล่เรียงกันไป ตั้งแต่เหตุการณ์…

1. ดาบค้างคา 44 ส.ส. – คดีจริยธรรมที่ถูกเลื่อน ชะลอ และแขวนความเสี่ยงทางการเมือง (กรณี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ)

2. ส้ม–เทา เกมภาพจำ – คดีผู้สมัครโยงฟอกเงิน–ยาเสพติด แม้พรรคตัดไฟทันที (กรณีอดีตผู้สมัคร กทม. และการเปลี่ยนตัวผู้สมัคร)

3. สนามวิชาการเป็นสนามรบ – วาทกรรม “ไม่มีความรู้–Hate Speech” บั่นทอนความชอบธรรม (กรณี อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ – ไอซ์ รักชนก ศรีนอก)

4. ป้ายหาเสียง–Fair Play – สงครามจุลภาคที่ทำลายภาพลักษณ์มหภาค (กรณีป้ายพาดพิง “46” และชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล)

5. มาตรฐานไม่เท่ากัน – คดีซ้อน–คำถามเลือกปฏิบัติ สร้างแรงกดดันเชิงระบบ (การตรวจสอบ การตีความ และวาทกรรมทางการเมืองที่ถาโถมพร้อมกัน)

และ 6. เรื่องอื่นที่อาจจะมีตามมาในเร็วๆ นี้

ทั้งหมด สะท้อนภาพของแรงกดดัน! ในแบบ “สหบาทา” ที่ดูเหมือนจะมาจากคนละทิศ คนละทาง แต่กลับประสานจังหวะกันได้อย่างน่าประหลาดใจ จนเกิดผลลัพธ์เดียวกัน นั่นคือ…

การสร้างให้ พรรคสีส้ม มี “ต้นทุนความเสี่ยงทางการเมือง”  ดีดตัว! สูงขึ้นอย่างเป็นระบบ???

ไม่ใช่เพราะ…ความผิดร้ายแรงที่ถูกพิสูจน์แล้ว หากเพราะการดำรงอยู่และการเติบโตของพรรคนี้ อาจทำให้โครงสร้างอำนาจเดิม ตกอยู่ในสภาวะของความ “ไม่แน่นอน!”

คนบางกลุ่ม? ไม่แน่ใจว่า…พวกเขายังจะคุมอนาคตได้เหมือนเดิมหรือไม่??? อย่างไร???

หลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคสีส้ม…เคยเป็น “ผู้ชนะ” ในแง่ของได้จำนวน ส.ส. มากที่สุด! เพียงแต่ไม่อาจ “จัดตั้งรัฐบาล” ได้ด้วยข้อจำกัดของ ส.ส.ชุดก่อนหน้านี้…

เมื่อบริบท “การเลือกนายกรัฐมนตรี” เปลี่ยนไป! กระนั้น แรงต้าน…กลับไม่ได้หายไป เพียแต่ย้ายสนามจาก “ด่านเดียว (สว.)” ไปสู่หลายด่าน (สหบาทา) พร้อมกัน

ตั้งแต่…กระบวนการทางกฎหมายและจริยธรรม กับการตั้งคำถามเชิงมาตรฐานที่ไม่เท่ากัน

ไปจนถึงการทำ…สงครามวาทกรรม และภาพจำในสังคม

การเมืองในวันนี้…จึงไม่ใช่เรื่องของการแข่งขันแบบ “แพ้–ชนะตรงหน้า” แต่เป็นการ “จัดการความเสี่ยงของระบบ” เพื่อกันไม่ให้ พรรคสีส้ม “โต” มากเกินไป จนเข้าไปคุมเกมและเปลี่ยนระบบในเชิงโครงสร้างของประเทศ…ได้!!!

แหล่งข่าวระดับผู้บริหารในฝ่ายรัฐ สะท้อนตรงกันว่า…ความตึงเครียดไม่ได้เกิดจากนโยบายรายเรื่อง หากเกิดจากทิศทางรวมที่ท้าทายกรอบคิดเดิมของรัฐและระบบราชการ

ขณะที่ ฝ่ายการเมืองคู่แข่ง มองว่า…พรรคสีส้มมีพลังขยายฐานเร็วเกินไปในสังคมที่ยังไม่พร้อมรับการเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้างทั้งหมด

ความไม่สบายใจนี้เอง…ที่ทำให้ “คนต่างขั้ว” ซึ่งไม่จำเป็นต้องร่วมมือกันในชีวิตประจำวัน กลับมีผลประโยชน์ “ทับซ้อน” ชั่วคราวในเป้าหมายเดียว นั่นคือ…

อย่าให้พรรคนี้คุมเกมได้!!!

คำถามที่สังคมไทย กำลังถกเถียงกัน! จึง “คมชัด” ขึ้นทุกวันว่า…พรรคสีส้ม “เป็นภัย” ต่อสถาบันของชาติจริงหรือไม่?

คำตอบเชิงข้อเท็จจริง…ยังไม่พบหลักฐานว่า พรรคนี้ใช้ความรุนแรง, ออกนอกกติกา หรือบ่อนทำลายความมั่นคงเชิงกายภาพ

ตรงกันข้าม พรรคสีส้ม…ยังคงเล่นอยู่ในสนามรัฐสภา, ยอมรับกระบวนการตามกฎหมาย และแข่งขันภายใต้กติกา

แต่สิ่งที่ถูกมองว่า…เป็นความ “เสี่ยง” จึงเป็นการท้าทาย “การตีความ” และ “การตั้งคำถาม” ต่อ…กลไกที่ไม่มาจากการเลือกตั้ง มากกว่าการ “ล้มล้าง” สถาบันหลักของชาติ!!!

นี่จึงทำให้ พรรคสีส้ม ไม่ใช่ภัยร้าย! แต่เป็น “บททดสอบ” ว่า…สถาบันจะปรับตัวกับสังคมการเมืองยุคใหม่ได้ดีเพียงใด???

ทว่า กลไกของ “รมสุ้ม : รุมส้ม!” ไม่ได้อาศัยเรื่องใหญ่เสมอไป ดังนั้น สังคมไทยจึงได้เห็น “สงครามจุลภาค” อย่างกรณี “ป้ายหาเสียง?” ที่พาดพิงตัวเลขและชื่อบุคคลสำคัญ เช่น กรณีป้ายหาเสียงหมายเลย XX ที่นำไปโยงกับชื่อของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี

เรื่องเล็กๆ แต่มันกลับสร้าง…แรงสั่นสะเทือน! ในระดับมหภาคต่อภาพลักษณ์ Fair Play อย่างรุนแรงสุดๆ!!!

แหล่งข่าว จาก กกต. ชี้ว่า…การเล่นกับป้าย เป็น แผนปฏิบัติการ “ต้นทุนต่ำ–ผลลัพธ์สูง” ที่อยากต่อการจะพิสูจน์ และโยนความรับผิดให้เหยื่อได้ง่ายมากๆ

เป้าหมายของ “มือที่ 3” ไม่ใช่ต้องเพิ่มคะแนนให้ใคร? จากพรรคใด? แต่มันคือ…การทำให้สังคมไทย รู้สึก “ไม่ไว้วางใจ” พรรคที่ตกเป็นเหยื่อ “สงครามป้าย(สี)”

โดยเฉพาะ ฐานคะแนนจาก “กลุ่มเสียงกลาง” รวมถึง กลุ่มคนที่ให้คุณค่าความสุจริต และ กลุ่มคนผู้ที่กำลังลังเลจะเลือกพรรคสีส้ม

นี่คือ…การกดคะแนนแบบเงียบ! จากน้ำมือของ “มือที่สาม” ที่ไม่จำเป็นต้องลงสมัคร แต่สามารถจะกำหนดผลลัพธ์ล่วงหน้าได้แล้ว??? โดยมี “จังหวะเวลา” เป็น “ตัวเร่งสำคัญ”

กรณี…ป้ายในมิติต่างๆ ไม่ได้เกิดลอยๆ หากเกิดในช่วงที่ พรรคสีส้ม กำลังเผชิญกับหลายประเด็นที่วางทับซ้อนกัน

กลายให้เป็นภาพ “โดนรุม” ที่กำลังก่อตัว และสังคมไทย…กำลังจับตาเรื่องจริยธรรมอย่างเข้มข้น!!!

ช่วงเวลาเช่นนี้…ไม่ต้องสร้างเรื่องใหม่ เพียงแค่ “เติมเชื้อ” ให้ไฟลามและลุกโชน แค่นี้…ผลลัพธ์ที่แอบหวังผล ก็สามารถจะ “ขยายตัว” ได้เอง! ตาม “แรงส่ง” ของข่าวและโซเชียลแล้ว

ผลกระทบของ ปรากฏการณ์ “รมสุ้ม : รุมส้ม!” ได้สร้างภาพชัด! ในเชิงพฤติกรรมของ “ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” บางกลุ่ม? ที่อาจรู้สึกไม่พอใจกับผลงานของ “ส.ส.พื้นที่” โดยเฉพาะ…การดูแลปากท้อง และการเมืองแบบพื้นที่

หลายคนเคยคิดจะ “ถอยห่าง” จากพรรคสีส้ม แต่เมื่อได้เห็น “แรงกดดัน!” ในหลายด้านพร้อมกัน ความรู้สึกของคนกลุ่มนี้…จึงพลิกกลับ! ก่อนเกิดความคิดที่ว่า…“มันเกินไป/ไม่แฟร์!!??”

และตัดสินใจกลับมา เลือกพรรคที่ถูกกระทำ จากพฤติกรรม “สหบาทา” ของคนต่างกลุ่ม ที่ได้ทำกระทำการ…ต่างกรรม ต่างวาระ แต่มีเป้าหมายปลายทางเดียวกัน ถล่ม! พรรคสีส้ม

เพราะ คนกลุ่มนี้ ไม่อยากเห็น…การรุมกินโต๊ะ! หาใช่เพราะพรรคนี้…มีผลงานโดดเด่นในเชิงการบริหารแต่อย่างใด?

นี่ไม่ใช่ความสงสารแบบอ่อนแอ แต่คือ…สัญชาตญาณความยุติธรรมทางการเมือง!!!

อีกกลุ่ม คือ “คนเสียงกลางๆ” ที่ไม่ได้ “อิน” กับ…พรรคสีส้มเป็นพิเศษ แต่รู้สึกไม่สบายใจกับภาพรวมที่เกิดขึ้นมา นั่นคือ…ภาพของ “คดีซ้อน”, การตั้งคำถามแบบเลือกปฏิบัติ และมาตรฐานที่ดูไม่เท่ากัน

ความคิดของคนกลุ่มนี้ ตรงไปตรงมา “วันนี้รุมพรรคนี้ พรุ่งนี้อาจเป็นใครก็ได้”

ผลคือ…จากนี้ สังคมไทยอาจสร้างปรากฏการณ์ใหม่ “โหวตเพื่อคานอำนาจ ไม่ใช่โหวตเพราะรัก!”

และนี่คือ…หลากหลายกลุ่มคน ที่อาจ “ชี้ขาด!” ผลเลือกตั้งในระบบหลายพรรค ก็เป็นไปได้

ขณะเดียวกัน ยังมี…กลุ่มที่ไม่ตีกลับ แต่ถอยห่างเงียบๆ แม้จะไม่ชอบการรุม! แต่ก็ยังไม่เชื่อมั่นในผลงาน คนกลุ่มนี้…จึงอาจไม่เลือกพรรคสีส้ม แต่ก็ไม่ต่อต้าน

กลุ่มนี้อธิบายได้ว่า…ทำไมพรรคสีส้มอาจได้คะแนนสูง แต่ไม่…แลนด์สไลด์???

ความเป็นธรรมในบทวิเคราะห์ที่ทุกฝ่ายจะต้องยอมรับ “จุดพลาด!” ของพรรคสีส้มเอง ภาพลักษณ์ที่ยึดมาตรฐานศีลธรรมสูง และชู Fair Play เป็นจุดขาย!

สิ่งนี้…ทำให้เมื่อสังคมไทย เกิดข้อสงสัยเพียงเล็กน้อย ความเสียหายกลับหนักกว่าพรรคอื่นที่อาจโดนแล้วไม่สะเทือน!!!

นี่คือเหตุผลที่ “มือที่ 3” เลือก “พรรคสีส้ม” เป็นเป้าหมาย นั่นเพราะ…สามารถจะสร้าง “แรงสะเทือน!” ต่อระบบความเชื่อถือให้เกิดขึ้นทั้งระบบได้ง่ายๆ นั่นเอง

หลายเสียงจาก “ผู้บริหารระดับสูง” ในฝ่ายนโยบายขององค์กรต่างๆ สะท้อนว่า…การเมืองที่ดี จะต้องแข่งขันกันด้วยนโยบายและผลงาน ขณะที่ ฝ่ายองค์กรอิสระ ได้ย้ำถึง…การบังคับใช้กติกาอย่างเท่าเทียม และ ฝ่ายการเมือง ต่างเรียกร้องให้ ทุกพรรค “ระมัดระวัง!” ปฏิบัติการที่อาจบ่อนทำลายความเชื่อมั่นโดยรวมของการเลือกตั้ง

แม้ถ้อยคำเหล่านี้ จะมาจากคนละฟาก แต่เมื่อ “วางทับ” กับภาพรวมแล้ว กลับตอกย้ำ! ข้อเท็จจริงเดียวกัน กล่าวคือ…ความกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง! ที่กำลังหลอมคนต่างขั้ว ให้ไปยืนอยู่ในฝ่ายเดียวกัน ชนิดไม่ต้องนัดหมายแต่อย่างใด???

ท้ายที่สุด! “รมสุ้ม : รุ้มส้ม” ไม่ใช่เรื่องของพรรคใดพรรคหนึ่ง หากเป็น “กระจกสะท้อน” ความเปราะบางของระบบการเมืองไทย ในช่วงเปลี่ยนผ่าน

พรรคสีส้ม…อาจยัง “สอบไม่ผ่าน” ในการเมืองเชิงพื้นที่แบบร้อยเปอร์เซ็น แต่การที่โดน “รุมกระหน่ำ” ในแบบ…กินสัดส่วนมากไป สิ่งนี้…กำลังสร้างแรงตีกลับ! เชิงหลักการในหมู่ “ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง”

นำไปสู่การตั้งคำถามต่อสังคมไทย ที่ว่า…เราจะยอมรับการเมืองที่รุมทำลายกันจนไม่เหลือทางเลือก? หรือจะยอมให้การแข่งขันกลับไปอยู่บนสนามที่แฟร์และตรวจสอบได้?

คำตอบนี้…ไม่ได้อยู่ที่พรรคใดพรรคหนึ่ง แต่อยู่ที่ “ทั้งระบบ” ว่า…จะเลือกอนาคตแบบไหน!!??.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password