กล่องใหญ่ห่อสิทธิ์ภาษี : TISA


หากไม่ใช่ “รัฐบาลรักษาการ” แล้วล่ะก็ โครงการ TISA…กล่องใหญ่ห่อสิทธิ์ภาษี ที่ ดร.เอกนิติ และทีมฯ ดีไซน์กันมา ไม่เพียงจะเปลี่ยนพฤติกรรมการออมของคนไทยทั้งประเทศ จากระบบกระจัดกระจายแบบเดิม ไปสู่ “แพ็กเกจเดียว” ที่สร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ปูทางสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างครั้งสำคัญ! ต่อ.ระบบเศรษฐกิจไทยในทศวรรษหน้า
นัดหมายสำคัญ! ที่ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พร้อมด้วย “แกนหลักคนสำคัญ” ของกระทรวงการคลัง อย่าง…
นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)
ที่ได้ส่งเทียบเชิญให้ นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และ นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
มาร่วมให้ข้อมูลภาพรวมและข้อมูลทางเทคนิคของมาตรการเพิ่มการออมของประชาชน ณ ห้องประชุม 401 ชั้น 4 อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง เมื่อบ่ายวันที่ 11 ธันวาคม 2568
มีเรื่องให้ “คนมองอนาคตไปข้างหน้า” ได้ตื่นตาตื่นใจ…
อย่างที่เกริ่นในพาดหัวของบทความชิ้นนี้…
“กล่องใหญ่ห่อสิทธิ์ภาษี” หรือ โครงการ Thailand Individual Savings Account (TISA) ที่กำลังถูกพูดถึงในฐานะ…มาตรการด้านการออมที่อาจสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างครั้งสำคัญ! ต่อ…ระบบเศรษฐกิจไทยในทศวรรษหน้า
เสียดายที่เรื่องนี้…ผ่านความเห็นชอบของ ครม.เศรษฐกิจ ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้นำเข้าสู่การประชุม ครม.ชุดใหญ่ จึงมีปัญหาตามมาว่า…
โครงการ TISA จะเดินไปต่อได้หรือไม่? และหาก “รัฐบาลใหม่” ไม่ได้มีพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำ และไม่มี ดร.เอกนิติ ทำหน้าที่ “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ของรัฐบาล แล้ว
โครงการ TISA ยังจะมีต่อไปอีกหรือไม่? อย่างไร?
เอาเป็นว่า…สมมุติว่าโครงการนี้ได้ไปต่อ!!! แล้วมันส่งผลดีต่อใคร? อย่างไรบ้าง?…
ปฏิเสธไม่ได้ว่า…ในห้วงเวลานี้ ประเทศไทยกำลังเผชิญแรงกดดันจาก…สังคมสูงวัย ความสามารถในการออมที่ลดลง และภาระทางการคลังที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
รัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมา ต่างพยายามจะออกแบบ “เครื่องมือใหม่” ที่ไม่ใช่เพียง…การกระตุ้นเศรษฐกิจ แบบระยะสั้น แต่เป็นการเพิ่มความมั่นคงทางการเงินระยะยาวให้กับประชาชน ผ่าน “ระบบออมใหม่” ที่ยืดหยุ่นกว่าเดิมและสร้างแรงจูงใจที่ชัดเจนกว่าในอดีต
สำหรับรัฐบาลที่เพิ่งจะมีสถานะ “รักษาการ” แล้ว สิ่งที่พวกเขาคิดและทำผ่านโครงการ TISA ถือว่า…ตรงกับแนวคิดข้างมากกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมา
แนวคิดหลักของ TISA คือ การรวมสิทธิประโยชน์ด้านการออมเดิมที่กระจัดกระจายอยู่ตามผลิตภัณฑ์การเงินหลายประเภท ให้อยู่ใน “ระบบเดียว” ที่เข้าใจง่ายกว่า
ลดความซ้ำซ้อนของเงื่อนไข และลดต้นทุนความรู้ที่ประชาชนต้องแบกรับ
ไม่ว่าจะเป็น…RMF, SSF, หุ้นไทย, พันธบัตรรัฐบาล, กองทุน, ESG, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กบข., กองทุนการออมแห่งชาติ หรือแม้แต่…ประกันบำนาญ
วิธีคิดนี้ ทำให้ TISA ทำหน้าที่เสมือน “ซูเปอร์ แพ็กเกจ” สิทธิ์ภาษี…ที่ “ห่อรวม” สินทรัพย์เพื่อการออมระยะยาวทั้งหมดไว้ในกล่องเดียว พร้อมเพดานลดหย่อนสูงสุด 800,000 บาทต่อปี
ซึ่งถือว่า…เป็นวงเงินที่มากพอจะดึงดูดทั้ง…มนุษย์เงินเดือน, พวกที่มีรายได้ปานกลาง ไปจนถึง ผู้มีรายได้สูง ให้เข้ามาอยู่ใน “ระบบออม” ที่รัฐออกแบบใหม่
ในระดับยุทธศาสตร์ รัฐบาลต้องการให้ TISA เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของมาตรการเศรษฐกิจชุด Quick Big Win เพื่อเพิ่มโอกาสการออมและสร้างความมั่นคงทางการเงินของประชาชน โดยมีเป้าหมายลดความเสี่ยงด้านสวัสดิการในอนาคตและเพิ่มระดับเงินออมภาคครัวเรือนที่ลดลงต่อเนื่องหลายปีที่ผ่านมา
แนวทางนี้ ไม่เพียงช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย ตั้งแต่สินทรัพย์เสี่ยงต่ำอย่างพันธบัตรรัฐบาล ไปจนถึงสินทรัพย์เสี่ยงสูงอย่างหุ้นไทย แต่ยังช่วยให้ตลาดทุนไทยมีสภาพคล่องมากขึ้น สร้างแรงผลักดันต่อระบบเศรษฐกิจและโครงสร้างการเงินของประเทศในระยะยาว
สิทธิประโยชน์ด้านภาษี เป็น “หัวใจสำคัญ” ที่ทำให้ TISA ได้รับความสนใจอย่างสูง ผู้มีรายได้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาทต่อปีอาจได้รับตัวคูณสิทธิ์ลดหย่อนเพิ่ม เช่น 1.2 ถึง 1.3 เท่า ซึ่งทำให้แรงจูงใจยิ่งทวีคูณ
ขณะที่ ตัวคูณ 0.7 ถึง 1.3 เท่าที่ถูกเสนอ เป็น “หนึ่งในโมเดล” ก่อนหน้านี้ ก็ยังอยู่ระหว่างการหารือและทบทวน โดย กระทรวงการคลังกำลังรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะ และปรับรายละเอียดเพื่อความเหมาะสมก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า…รัฐพยายามออกแบบมาตรการให้ครอบคลุม ทั้งผู้มีรายได้ปานกลาง และผู้มีศักยภาพในการออมสูง เพื่อให้โครงการมีประสิทธิภาพในระดับระบบ ไม่ใช่เฉพาะกลุ่ม!!!
สิ่งที่น่าจับตา! อีกประการ คือ การส่งเสริมการลงทุนอย่างยั่งยืน ผ่านกองทุน ESG ซึ่งอาจได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มขึ้นตามข้อเสนอที่อยู่ระหว่างการพิจารณา
นี่ไม่ใช่เพียงการ “เพิ่มทางเลือก” การลงทุนให้แก่ประชาชน แต่เป็นสัญญาณว่า…รัฐกำลังนำเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลเข้ามาเชื่อมโยงกับนโยบายการออม เพื่อผลักดันตลาดทุนไทยเข้าสู่มาตรฐานสากลและสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว
แม้รายละเอียดหลายส่วน จะยังไม่ถูกสรุปขั้นสุดท้าย แต่ความคืบหน้าของมาตรการ ก็ชี้ชัดว่า…รัฐบาลตั้งใจให้ TISA เป็นโครงสร้างหลักของระบบออมใหม่ เดิมนั้น คาดว่า…จะเริ่มบังคับใช้ในปีภาษี 2569 หากสามารถผ่านกระบวนการทางกฎหมายได้ทัน
ช่วงเวลานี้ จึงเป็นจังหวะสำคัญในการออกแบบระบบออมของประเทศให้มีความยืดหยุ่น ใช้งานง่าย และสอดคล้องกับความจำเป็นของประชาชนในโลกเศรษฐกิจใหม่
ในมุมมองเชิงกลยุทธ์ นี่คือ…ความพยายามครั้งสำคัญในการเปลี่ยนพฤติกรรมการออมและการลงทุนของคนไทย จาก…ระบบเดิม ที่กระจัดกระจาย ไปสู่…โครงสร้างหนึ่งเดียว! ที่ครอบคลุมทั้ง…ชีวิตการทำงาน, ระบบออมที่มีแรงจูงใจสูง
ช่วยให้ประชาชน…ย้ายจากการถือครองเงินสด ไปสู่การถือครองสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนได้จริง และลดภาระการพึ่งพารัฐในวัยเกษียณ
ดร.เอกนิติ อธิบายแนวคิดนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า “TISA ไม่ใช่มาตรการแจกเงิน แต่เป็นเครื่องมือวางรากฐานการออมของประชาชนไทยในระยะยาว เราต้องการให้คนไทยเข้าถึงสินทรัพย์ทางการเงินได้มากขึ้น และสร้างความมั่นคงทางการเงินด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพียงเพิ่มภาระให้รัฐในอนาคต”
ก่อนจะกล่าวเสริมว่า “เป้าหมายสำคัญของเราคือการทำให้การออมเป็นเรื่องง่าย มีโครงสร้างเดียวที่รองรับทุกช่วงวัย ไม่ว่าคุณจะเริ่มทำงานหรือเตรียมเกษียณ เราต้องการให้ TISA เป็นกล่องใหญ่ที่รวมสิทธิประโยชน์ทั้งหมดไว้ด้วยกัน เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดจากการวางแผนการเงินของตนเอง”
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทย มาตรการนี้ จึงถูกมองว่า…เป็น “จุดเริ่มต้น” ของการ “ยกระดับระบบออม” ของประเทศ จากมาตรการชั่วคราว สู่…กระบวนการสร้างภูมิคุ้มกันระยะยาว
หาก TISA สามารถขับเคลื่อนได้อย่างเต็มรูปแบบ ก็อาจกลายเป็น…เครื่องมือสำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งของนโยบายเศรษฐกิจไทยในช่วงหลายปีข้างหน้า
อีกทั้งยังเป็น “รากฐาน” ให้สังคมไทยเดินหน้าสู่อนาคตด้วยความมั่นคงมากกว่าเดิม…
มาลุ้นกันว่า…รัฐบาลรักษาการนี้ จะได้สิทธิ์ กลับมาบริหารประเทศ อีกหรือไม่??? ถ้าพวกเขาได้สิทธิ์นั้น…คนไทยก็จะได้สิทธิ์นี้…
สิทธิ์จากโคงการ TISA…กล่องใหญ่ห่อสิทธิ์ภาษี ของคนไทย!!!.






