ชิงไหวชิงพริบ!!!

(เกมต่อสู้เพื่อ “ความต่อเนื่อง” หรือ “การหยุดชะงัก” ของการแก้รัฐธรรมนูญ!)

เกมการเมืองปลายปีเดินสู่…จุดหัวเลี้ยวหัวต่อ! เมื่อการแก้รัฐธรรมนูญ กำลังวิ่งเข้าสู่ช่วง “โค้งสุดท้าย!” ขณะที่ฝ่ายค้าน ต้องชั่งน้ำหนัก “ซักฟอก” และรัฐบาลถือไพ่ “ยุบสภาฯ” อยู่ในมือ ทุกก้าว คือ การคำนวณยุทธศาสตร์ว่า…จะให้ร่างรัฐธรรมนูญเดินหน้า หรือสะดุดกลางทาง! และฝ่ายใด? จะได้เปรียบในเกมชิงอนาคตประเทศครั้งนี้
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะ ประธานรัฐสภา ช่างกำหนด วันประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. ในวาระ 2 ได้ตรงกับ ไทม์ไลน์การเมืองไทย ในห้วง…วันรัฐธรรมนูญ “10 ธันวาคม” ได้ดีแท้
10-11 ธันวาคม 2568 คือ กรอบเวลาปกติ หากไม่มี “เกมป่วน” ยื้อกันจนน่าเกลียด แล้วล่ะก็…
วาระ 2 ก็คงจะผ่านฉลุย ในระหว่าง 2 วันนี้…บรรดา สส.และสว. ก็คงแสดงคิดเห็นกัน ทั้งที่เห็นด้วยและคัดค้าน ซึ่งก็เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ในระบบรัฐสภา
แล้วจะเว้นว่างไป 15 วัน เพื่อให้ฝ่ายต่าง ๆ ได้ชี้แจงนำสู่การสะท้อนเสียงของประชาชน หรือแม้แต่…เปิดให้นักการเมืองบางกลุ่ม ได้ใช้โอกาสนี้ เจรจา “ต่อรอง” ทางการเมืองกันไป
“ต้นทาง” ของการประชุม 10 ธันวาคมนี้ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะ ประธานกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับใหม่) กล่าวชี้แจงว่า ในการประชุมของ กมธ.ฯ ที่ผ่านมา ได้พิจารณา 5 เรื่อง ได้แก่…
1.เรื่องกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 256/1 (1) และ (2)
2.การคัดเลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อนำมาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่จะมีการแก้ไขมาตรา 256/2 และ 256/5 เพื่อกำหนดเรื่องคุณสมบัติ
3. กระบวนการรวบรวมความคิดเห็น
4.กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือการออกเสียงประชามติ ตามหมวด 15/1
และ 5.คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
“เราจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้นได้หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับการเห็นชอบของสมาชิกในวันนี้ พรุ่งนี้ และอีก 15 วันข้างหน้า ที่จะมีการเห็นชอบการแก้ไข มาตรา 15/1 เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ และการออกเสียงประชามติของประชาชนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” นายณัฐวุฒิ กล่าว
พักเรื่อง…สถานการณ์ข่าวการเมืองแบบปกติ แล้วเข้าไปสู่โหมดการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ กับข้อมูลข่าวและเรื่องราวที่ผ่านมา รวมถึงอนาคตของสถานการณ์ข่าวนับจากนี้ไป…
ต้องยอมรับว่า…ในช่วงปลายปี 2568 นี้ ถือเป็นห้วงเวลาที่การเมืองไทยกำลังเคลื่อนเข้าสู่ภาวะที่คล้ายกับ…สงครามความอดทน เชิงยุทธศาสตร์ มากกว่า…ความปั่นป่วนแบบฉับพลัน!
ก็อย่างที่รู้กันว่า…การที่รัฐสภาเปิดสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 2 บนความพยายามที่จะผลักดันไปสู่ “รัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ตามข้อตกลงทางการเมือง (MOA)
สิ่งนี้…ได้กลายเป็น “เวทีหลัก” ที่จะกำหนดทิศทางอำนาจของรัฐบาลและอนาคตของประเทศ ไปแล้ว…
ขณะเดียวกัน ฝ่ายค้าน…พรรคเพื่อไทย เอง ก็กำลังรอจังหวะ “ยิงหมัดตรวจสอบ” ผ่าน…ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งอาจกลายเป็นชนวนให้ “สมการอำนาจ” ต้องถูก…คำนวณกันใหม่ทั้งกระดาน!
ภายใต้ความเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนเป็นไปตาม ขั้นตอนปกติของรัฐสภา แต่ความจริงแล้ว…ทุกฝ่ายกำลังจับจ้องไปยัง “วาระ 3” ซึ่งเป็น “คอขวด” สำคัญกว่าเรื่องใด?
ทั้งเพราะต้อง…อาศัยเสียงของ ส.ว. จำนวนมาก และเพราะเป็น “จุดตัด” ที่รัฐบาลต้องการให้ร่างฯ ผ่านไปอย่างต่อเนื่องตาม “ไทม์ไลน์” ที่วางไว้
หากผ่านวาระ 3 ได้ การเดินหน้าสู่การทำ “ประชามติ” พร้อมการเลือกตั้งครั้งใหม่ ในต้นปีหน้า…สิ่งนี้ จะนับเป็น “เส้นชัยชั่วคราว” ของรัฐบาลอนุทิน อย่างน้อย ก็ชนะเหนือแรงกดดันที่สะสมมานาน ตั้งแต่…วันแถลงนโยบายของ นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล แล้ว
แต่หากไม่ผ่าน…จะเพราะ สว. ไม่ให้เสียง หรือเพราะการเมืองปะทะกันระหว่างทาง นั่นก็จะเท่ากับ “เปิดประตู” ไปสู่ “ทาง 3 แพร่ง” ของความไม่แน่นอนทันที!!!
ท่ามกลางเงื่อนไขนี้ ฝ่ายค้าน..จะต้องคำนวณอย่างละเอียดว่า การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงก่อน หรือระหว่างพัก 15 วันของร่างรัฐธรรมนูญนั้น มัน “คุ้ม” หรือไม่???
เพราะในทางยุทธศาสตร์ นั้น การยื่นญัตติ “ไม่ไว้วางใจรัฐบาล” ในจังหวะที่ผิด!…เพียงไม่กี่วัน อาจไม่ใช่แค่ทำให้รัฐบาลเสียหน้า แต่กลับเป็นการ “เปิดช่อง” ให้ฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะ นายกรัฐมนตรี ได้ใช้ “อำนาจยุบสภา” เป็นเครื่องตอบโต้
และ “ปิดเกม” การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับทันที!!!
เมื่อยุบสภาฯ กระบวนการทั้งหมด…จะต้องเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ ไม่สามารถสานต่อวาระเดิมได้
นั่นก็หมายความว่า…ที่ผ่านมา เราได้เสียทั้งเวลา, เงินทุน, ความพยายาม และความคาดหวังทางการเมืองหลายเดือน โดยไม่ได้อะไรเลย จากการประกาศ “คำเดียว!” ของนายกรัฐมนตรี
ในแง่นี้…การตัดสินใจของฝ่ายค้าน พรรคเพื่ไทย จึงไม่ใช่แค่เรื่อง “ตรวจสอบหรือไม่ตรวจสอบ” แต่เป็นการชั่งน้ำหนักระหว่าง “การเล่นหมากรุก” และ “การผลักล้มกระดาน”???
หากยื่นญัตติเร็วเกินไป นายกฯอนุทิน จะมีข้ออ้าง “ยุบสภาฯ” ผ่านการสื่อสารต่อสังคมไทยว่า…เป็นไปเพื่อการปกป้องความต่อเนื่องของรัฐธรรมนูญใหม่
แต่ถ้า ฝ่ายค้านรอให้วาระ 2 จบ และเข้าสู่ช่วงพักตรวจร่าง 15 วัน การยื่นญัตติ “ซักฟอก” ก็ยังอาจส่งผลต่อการตัดสินใจ “ยุบสภาฯ” อยู่ดี หากรัฐบาล ประเมินว่า…ฐานเสียงหรือสถานการณ์รอบด้าน เอื้อต่อการ “รีสตาร์ท” เกมการเมือง
ไม่ใช่เพียง…ฝ่ายค้านที่ต้องคิดหนัก? รัฐบาลเอง ก็ก็อยู่ในเกมที่ต้อง “คุมจังหวะ!” ให้แม่นยำ???
การประกาศว่า “ไม่ต้องคุยเรื่องยุบสภาฯแล้ว” จากปากของนายกฯอนุทิน อาจเป็น…สัญญาณเชิงยุทธศาสตร์มากกว่าเจตนาบริสุทธิ์ เพราะการ ปฏิเสธเสียงแข็ง! ในยามที่ “อำนาจยุบสภาฯ” ยังอยู่ในมือ ย่อมทำให้…คู่แข่งยากต่อการคาดการณ์
การปล่อย “คำใบ้” สลับกับการ “ปฏิเสธ” แบบเนียน ๆ ส่งผลให้ ฝ่ายค้าน…เพื่อไทย ต้องระมัดระวังกับจังหวะการเดินในแต่ละก้าวมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วย ลดแรงกดดันในสภาฯ ชนิดไม่ต้องใช้วิธีการเผชิญหน้าโดยตรง
ยิ่งไปกว่านั้น วิกฤตความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา เป็นถือเป็นอีก “ปัจจัยเสริม” ที่สำคัญและทำให้ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน จะต้องเดินเกมละเอียดกว่าเดิม???
รัฐบาลอาจใช้ภาวะนี้ ทำการสื่อสารไปยังสังคมไทย ในห้วงทำนอง…การเมืองภายในต้องนิ่ง เพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศในการบัญชาการด้านความมั่นคง
ขณะที่ ฝ่ายค้านเอง ก็ยอมรับว่า…การยื่นญัตติ “ซักฟอก” ในจังหวะที่ทำให้รัฐบาลต้องกลายเป็น “รัฐบาลรักษาการ” อาจเสี่ยงต่อเสถียรภาพความมั่นคง และไม่เป็นผลดีต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน
ทั้งหมดนี้ ทำให้เกมยืดและถอยแต่ละฝั่ง! ถูกจำกัดด้วยเงื่อนไข “นอกสารบบสภาฯ” ที่ไม่สามารถตีความแบบการเมืองล้วน ๆ ได้อีกต่อไป
ประเด็นสำคัญที่สุด! ของสถานการณ์นี้ ไม่ได้อยู่ที่ว่า…ใครจะยื่นญัตติเมื่อไร? หรือใครจะยุบสภาหรือไม่? แต่อยู่ที่ “ใครสามารถรักษาหรือหยุดกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญได้”
เพราะนี่คือ…เดิมพันหลัก! ที่เชื่อมโยงอนาคตของรัฐบาล, พรรคการเมือง และโครงสร้างอำนาจรัฐไทยในช่วงหลายปีข้างหน้า
ปฏิเสธไม่ได้ว่า…รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คือ “หมุดหมายสำคัญ” ที่รัฐบาลต้องการ เพื่อยืนยันความชอบธรรมตลอดอายุการบริหารราชการแผ่นดิน
ขณะที่ ฝ่ายค้าน…เพื่อไทย เอง ก็รู้ดีว่า…หากร่างผ่านวาระ 3 เพราะ สว.ประเมินแล้ว “อำนาจ” ของพวกเขาไม่ได้…ลดน้อยถอยลงไปกว่าเดิม และเดินหน้าสู่ประชามติ! ได้…
รัฐบาลจะมี “อำนาจต่อรอง” สูงขึ้นทันที! โดยเฉพาะใน สนามการเมืองใหม่หลังสิ้นสุดงานเลี้ยงสังสรรค์ในช่วงเทศกาลปีใหม่
เกมการเมืองในห้วงปลายปีนี้ จึงไม่ใช่แค่ “ศึกซักฟอก” ธรรมดา??? และไม่ใช่การ “วัดใจ” ว่า…รัฐบาลจะ “ยุบสภาฯ” หรือไม่? แต่เป็น…การ “ต่อสู้” ในเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อกำหนดว่า…จะให้ “โครงการรัฐธรรมนูญใหม่” เดินหน้า, หยุดชะงัก หรือเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด!!!
นาทีนี้…ใคร “เดินหมาก” พลาดเพียงจังหวะเดียว! อาจไม่ใช่แค่…เสียตำแหน่ง หรือคะแนนนิยม
แต่มันคือ การ “สูญเสียอำนาจ” ควบคุมอนาคตการเมืองไทยทั้งฉบับ ที่กำลังจะถูกเขียนขึ้น…ทีละบรรทัด! ภายในรัฐสภาในช่วงไม่กี่สัปดาห์นับจากนี้เป็นต้นไป!
มันจึงเป็น…การเดินเกมการเมือง ในลักษณะ “ชิงไหวชิงพริบ” ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง!!!.






