ทรุดฮวบ!!??

(ชีวิตที่สูญเสียจากภัยน้ำท่วมสุดวิกฤต ฉุดเครดิตความน่าเชื่อของรัฐบาลอนุทิน จนทรุดฮวบตามกันไปด้วย)

วิกฤตน้ำท่วมภาคใต้! กลายเป็น “บททดสอบที่หนักอึ้ง!” ของรัฐบาลชุดนี้ เชื่อมต่อไปถึงชุดใหม่? เมื่อยอดผู้เสียชีวิตจริงสูง! เกินกว่าที่รัฐรายงาน แต่เพราะการสื่อสารที่สับสน? ยิ่งซ้ำเติมความไม่เชื่อมั่นใน “ผู้นำ” เหตุการณ์นี้…ไม่ใช่เพียงภัยธรรมชาติ แต่เป็นสัญญาณเตือน! ถึงความ “ล้มเหลว” เชิงโครงสร้างที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข ก่อนสถานการณ์ศรัทธาจะถดถอยและทรุดฮวบมากกว่านี้

แม้ รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย จะประกาศ หลักเกณฑ์เยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมภาคใต้ รายละ 2 ล้านบาท แต่ตัวเลข “ผู้เสียชีวิต” ที่ภาคประชาชนรับรู้ในพื้นที่…กลับแตกต่างจากตัวเลขที่รัฐบาล รายงานอย่างมีนัยสำคัญ

รัฐบาลยืนยันว่า…มีผู้เสียชีวิตเพียง 85 ราย และเป็นผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมโดยตรงเพียง 55 ราย ขณะที่คนในพื้นที่ ทั้งประชาชน ผู้นำท้องถิ่น และนักการเมืองระดับชาติ รายงานยอดที่สูงกว่านั้นมาก

ความไม่สอดคล้องนี้ จึงไม่ใช่เพียง…ปัญหาตัวเลข??? แต่กลายเป็น “รอยร้าว” ด้านความเชื่อมั่น! ที่สะท้อนว่า…

รัฐบาลอาจประเมินสถานการณ์ล่าช้า

และ สื่อสารไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในพื้นที่อย่างน่ากังวล

ความไม่พอใจลุกลาม! ตั้งแต่…ชาวบ้านที่ต้อง “รับมือ” กับสายน้ำ โดยขาดการเตือนภัยที่ทันท่วงที! ไปจนถึงเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่ต้องรับแรงกดดันจากภาคประชาชนโดยตรง

นักการเมืองท้องถิ่นจำนวนมาก สะท้อนทัศนคติที่มีร่วมกัน ในทำนอง…รัฐลงพื้นที่ช้า ช่วยเหลือไม่ทันการณ์ และไม่มีระบบประเมินสถานการณ์เชิงปฏิบัติการที่ชัดเจน

ทั้งที่รัฐบาล มีทั้ง…ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา, ระบบติดตามน้ำจากหลายหน่วยงาน และสายบังคับบัญชาในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ที่ควรสั่งการได้รวดเร็วมากกว่านี้

ความสูญเสียจำนวนมาก! ใน…จังหวัดสงขลา, ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส จึงไม่ได้เกิดจาก “ภัยธรรมชาติ” เพียงอย่างเดียว??? แต่เกิดจาก…ช่องว่างระหว่าง “ข้อมูล” และ “การตัดสินใจ” ของภาครัฐด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น การสื่อสารจาก “ส่วนกลาง” ยังได้ซ้ำเติม! บาดแผล ของคนในพื้นที่จมน้ำ!!! เมื่อ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ “โฆษกรัฐบาล” ให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิต และแสดงท่าทีตำหนิประชาชนที่ “ไม่ยอมอพยพ” ออกจากพื้นที่น้ำท่วม

ทั้งที่ หลายหมู่บ้าน…ไม่เคยได้รับคำสั่งอพยพล่วงหน้ามาก่อน และบางพื้นที่ถูกน้ำไหลหลากเข้าท่วมแบบฉับพลัน! จนประชาชนไม่ทันตั้งตัว

การตำหนิประชาชน! จึงถูกมองว่า…เป็นการผลักภาระความผิดออกจากรัฐบาล และตอกย้ำภาพที่ว่า…เจ้าหน้าที่ส่วนกลาง ไม่เข้าใจสภาพจริงของพื้นที่น้ำท่วม…

การแต่งตั้ง น.ส.รัชดา ธนาดิเรก เข้ามาเป็น “โฆษก ศป.กฉ.” เพิ่มเติม? แม้จะเป็นสัญญาณว่า…รัฐบาลพยายามแก้ไข “จุดอ่อน” ด้านการสื่อสาร แต่ก็ไม่อาจลบภาพความผิดพลาดในวันแรก ๆ ที่รัฐบาล…สูญเสียความน่าเชื่อถือไปแล้ว

การแถลงข่าวที่ นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลุกออกกลางวง!!! เมื่อถูกถามว่า…“รัฐบาลประเมินสถานการณ์ผิดพลาดหรือไม่?”

ยิ่ง “ขยายภาพ” ถึงความไม่พร้อม…ในการตอบคำถามต่อสาธารณะ โดยเหตุการณ์นี้ ยังทำให้สังคมไทย ได้ตั้งข้อสังเกตตามมาว่า…

รัฐบาลไม่สามารถตอบคำถามที่เป็นหัวใจของปัญหา?

ไม่กล้ายอมรับข้อบกพร่อง?

และ ยังคงให้ความสำคัญกับ “ภาพลักษณ์” ของตัวเอง มากกว่า…ชีวิตของประชาชนท่ามกลางวิกฤต?

กระแสโจมตีรัฐบาล และ นายกฯอนุทิน เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยหนึ่งในนั้น มาจาก…นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งออกมา เรียกร้องให้…นายกฯอนุทิน “ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง”

โดยระบุว่า…การบริหารสถานการณ์ล่าช้า สับสน และมุ่งเน้นการสร้างภาพ มากกว่าการช่วยเหลือผู้คน ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในระดับที่ไม่ควรเกิดขึ้น!!!

นายสมชัย ยังชี้ว่า…แม้ฝนตกหนักจะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่การช่วยชีวิตประชาชน เป็นเรื่องที่รัฐต้องจัดการให้ได้ การที่ผู้เสียชีวิตจำนวนมาก…โดยไม่ได้รับการช่วยเหลือทันการณ์ กลายเป็นหลักฐานของความล้มเหลวเชิงบริหาร! ที่ไม่อาจปฏิเสธได้!!??

เสียงสะท้อนจาก นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ หลายคน เริ่มไปในทิศทางเดียวกัน ในทำนอง…รัฐบาลชุดปัจจุบัน ยังไม่มี “แนวทางบริหารภัยพิบัติแบบบูรณาการ” ที่แท้จริง! และยังติด “กับดัก” การทำงานเชิงพิธีกรรม

เช่น การลงพื้นที่ภายหลังเกิดเหตุ, การประชุมยาวหลายชั่วโมง โดยไม่มีผลเชิงปฏิบัติ และการสื่อสารที่เน้นบรรเทาความไม่พอใจ มากกว่านำเสนอแผนปฏิบัติการที่ตรวจสอบได้

การแต่งตั้ง…คณะทำงานเฉพาะกิจ แม้เป็น “ก้าวที่ถูกต้อง” แต่มันยังไม่เพียงพอ? หากโครงสร้างการสั่งการยังขาดเอกภาพ และหากกระทรวงมหาดไทย ในสังกัดของนายกฯเอง ยังไม่สามารถตอบสนองสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างได้ผล

ในมิติเชิงยุทธศาสตร์ เหตุการณ์ครั้งนี้…สะท้อน “ปัญหาหลัก” ของรัฐบาล นั่นคือ การขาด “ศูนย์บัญชาการกลางที่มีอำนาจจริง” ในการรับมือภัยพิบัติ!

ประเทศไทย…มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกระจายหลายส่วน ตั้งแต่…กรมป้องกันฯ, อปท., เหล่าทัพ ไปจนถึงกระทรวงมหาดไทย แต่ไม่มี “โครงสร้างเดียว” ที่สามารถรวมข้อมูล, วิเคราะห์ความเสี่ยง และสั่งการแบบ real-time

นั่นจึงทำให้…ทุกครั้ง! เมื่อเกิดเหตุรุนแรง ทุกหน่วยที่มี จึงเป็นไปในลักษณะ “ต่างทำงานของตนเอง” กลายเป็น “ภาพจำ” ของความซ้ำซ้อน, ล่าช้า และไม่ประสานกัน

แม้ความจริง! ที่อยู่เบื่องหลังการสูญเสียที่เกิดขึ้น ทั้ง…ชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึง “ความเชื่อมั่น” ที่เคยมีต่อรัฐบาลในครั้งนี้ เป็นผลพวงมาจาก “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” มากกว่า “ข้อผิดพลาด” ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

แต่ “หัวหน้ารัฐบาล (นายกรัฐมนตรี)” เอง ก็มีหน้าที่ที่จะต้อง “จัดการปัญหาเชิงระบบ!” ให้ได้!!??

สถานการณ์…ความเชื่อมั่นของรัฐบาล และตัว นายกฯอนุทิน ในยามนี้ ถือว่า…กำลังตกอยู่ในสภาวะที่เปราะบาง!!??

ไม่ใช่เพียงเพราะ…ตัวเลขของ “ผู้เสียชีวิต” ที่มีจำนวนมาก เท่านั้น แต่เพราะ…บรรยากาศของสังคมไทย ที่เริ่มตั้งคำถามถึง…ความสามารถและความจริงใจในการบริหาร

แรงกระเพื่อมทางการเมือง! จากฝ่ายค้านและภาควิชาการ กำลังสร้างแรง “กดดัน” ให้รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบบางอย่าง??? ไม่ว่าจะเป็น…

การยอมรับความผิดพลาด

การออกมาขอโทษ

และ การประกาศแผนปรับปรุงระบบรับมือภัยพิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

หากรัฐบาล…ยังคงปฏิเสธข้อบกพร่อง! และยังสื่อสารแบบตั้งรับโดยไม่ตอบคำถามคาใจของประชาชน?

ความเชื่อมั่นที่เคยมี กลับจะมีแนวโน้มจะ…ทรุดต่ำฮวบ! ลงต่อเนื่อง ซึ่งอาจกระทบ “เสถียรภาพ” ทางการเมืองในระยะยาวได้

ทางออก! ที่เหมาะสมใน “ระยะสั้น” นั่นคือ…การเปิดเผยข้อมูลผู้เสียชีวิตทั้งหมดอย่างโปร่งใส พร้อมนิยามสาเหตุการเสียชีวิตที่ตรวจสอบได้ เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นในเบื้องต้น

ขณะเดียวกัน ก็ควรประกาศ…มาตรการเยียวยา ที่ไม่แบ่งแยกกลุ่มผู้เสียชีวิต พร้อมกับยืนยันว่า…ทุกครอบครัวจะได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม

การสื่อสารของรัฐบาลเอง ก็ควรเปลี่ยนจากการอธิบายข้อกล่าวหา เป็นการนำเสนอ “แผนแก้ไขปัญหาที่ทำได้จริง!”  เช่น การจัดตั้งศูนย์บัญชาการภัยพิบัติแห่งชาติ, การพัฒนาระบบเตือนภัยใหม่ และการเพิ่มอำนาจสั่งการให้หน่วยงานส่วนกลางในภาวะวิกฤต

ยกระดับความพร้อมของประเทศในอนาคต!!!

ใน “ระยะยาว” รัฐบาลจำเป็นต้องสร้าง “ระบบบริหารจัดการภัยพิบัติ” ที่เน้นข้อมูลและการตัดสินใจเชิงรุก! มากกว่า…รอให้เกิดเหตุแล้วค่อยรับมือ

การลงทุนในเทคโนโลยีตรวจวัดน้ำ, การสร้างความเข้มแข็งให้ อปท. และการฝึกซ้อม “แผนอพยพประชาชน” เป็นประจำ คือ สิ่งจำเป็น…ไม่แพ้โครงการเมกะโปรเจ็กต์ใด ๆ

หากรัฐบาลสามารถแสดงความจริงใจในการแก้ไขเชิงระบบ และยอมรับว่า…ชีวิตที่สูญเสียครั้งนี้ เป็น “บทเรียนใหญ่” ของประเทศ

ภาพลักษณ์ที่เสียหายอาจยังสามารถฟื้นฟูได้???

แต่หากยังคง…ยึดติดกับ “แนวคิดเดิม ๆ” ที่เน้น…การบริหารเชิงภาพลักษณ์! ความเสียหายต่อความเชื่อมั่น…อาจฝังลึกเกินกว่าจะกู้คืนได้ง่าย ๆ

ท้ายที่สุด! เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้…ไม่ใช่เพียงวิกฤตธรรมชาติ แต่เป็น “เครื่องมือ” ชี้วัดความสามารถของ “ผู้นำ” และรัฐบาลชุดใหม่…อย่างแท้จริง!

ความสูญเสียของประชาชน ไม่อาจย้อนกลับคืนมา แต่รัฐบาล…ยังมีโอกาสชดเชย ด้วยการแสดงความรับผิดชอบ, โชว์ความโปร่งใส และการวางระบบที่มั่นคงกว่าเดิม

หาก นายกฯอนุทิน เลือกเดินในทิศทางนี้ เขายังมีโอกาส “ฟื้นเครดิต” ความน่าเชื่อกลับมาได้

แต่ถ้ายังคงปฏิเสธข้อผิดพลาด และปล่อยให้ความสับสนเป็นคำตอบไปเรื่อย ๆ วิกฤตครั้งนี้…อาจไม่เพียงทำร้ายแค่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย

แต่ยังอาจเป็น “บาดแผลลึกที่สุด!” ของรัฐบาลชุดนี้…เองด้วย!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password