12 ธ.ค. : ยุบสภาฯได้…คนไทยเข้าใจ???

สัญญาณ “ยุบสภาฯ 12 ธ.ค. – วันเปิดสมัยประชุมใหม่” จากปาก “นายกฯอนุทิน” เปลี่ยนบรรยากาศการเมืองเป็นสนามแรงดันระดับสูงทันที! รัฐบาลเสียงข้างน้อยที่แพ้โหวตแน่ๆ กับผู้ถือ “ดาบอภิปราย” ที่ต้องคิดให้หนัก! เกมการเมืองรอบนี้…ฝ่ายค้านจะยอมร่วมทิ้ง หรือเดินหน้าต่อ…ร่างรัฐธรรมนูญวาระที่ 3 และนี่คือ…สัญญาณเดียวที่สะเทือนทั้ง…โครงสร้างอำนาจและ “ไทม์ไลน์” เลือกตั้งรอบใหม่แบบไม่ทันตั้งตัว

คำพูดของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ที่ประกาศอย่างตรงไปตรงมา! ว่า…“พร้อมยุบสภาฯ 12 ธันวาคม หากฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ”

ประโยคนี้…ไม่เพียงเป็น คำประกาศเชิงบริหารของ “ผู้นำรัฐบาล” เสียงข้างน้อย แต่เป็น…สัญญาณเชิงยุทธศาสตร์ ที่มีผลเทียบเท่า เขย่ากระดานการเมือง! ทั้งฉากหน้าและฉากหลัง

ทุกพรรค…ต้องคำนวณต้นทุนและกำไรในทางการเมืองกันใหม่ทันที!

นี่ไม่ใช่เพียงการแสดง “ความพร้อมทางการเมือง” ของ “ผู้นำรัฐบาล” หากแต่เป็นการส่งสัญญาณเชิงปรัชญาอำนาจแบบเต็มรูป ส่งแรงสั่นสะเทือนไปยังฝ่ายค้าน

พรรคพันธมิตรทาง MOA อย่าง…พรรคประชาชน และแม้แต่ “พรรคร่วมรัฐบาล” บางส่วน? ที่ต้องประเมินว่า…จะเดินทางใด? ต่อไปในช่วง “เปลี่ยนผ่านอำนาจ” ที่อาจเร็วขึ้นกว่าที่คาดการณ์กันไว้เดิม

เพราะสำหรับ “รัฐบาล” เสียงข้างน้อย แล้ว การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็คือ จุดจบเชิงตัวเลขที่เลี่ยงไม่ได้!  ไม่ว่า…รัฐบาลจะตอบคำถามได้ดีเพียงใด ทว่า…ตัวเลขในสภาผู้แทนราษฎร ก็ยืนยันชะตากรรมล่วงหน้าได้อยู่แล้ว

จึงไม่น่าแปลกใจ! ที่ นายกฯอนุทิน เลือกใช้ “ไพ่ยุบสภา” เป็นกลไกป้องกันเชิงรุก! พร้อมกับการสื่อสารอย่างชัดเจนว่า…หากฝ่ายค้านต้องการโชว์ศักดาผ่านเวทีซักฟอก ก็ต้องพร้อม “แบกรับ” ผลลัพธ์ปลายทาง ปมเดินหน้า…ร่างแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในวาระที่ 3

ในมิตินี้ คำพูดของ นายกฯอนุทิน ถูกพรรคเพื่อไทย “ตีความ” ว่า…เป็นการ “ข่มขู่ฝ่ายค้าน” และ “เอาร่างรัฐธรรมนูญ” เป็นตัวประกัน

เป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่ระบุว่า…การประกาศยุบสภาฯ ในวันแรกที่เปิดประชุมสภาฯ คือ สัญญาณที่มีนัยว่ารัฐบาลตั้งใจ…จะโยนความรับผิดชอบ! กลับมายังฝ่ายค้าน หากกระบวนการแก้ รธน.ไม่เดินหน้า

แต่ในอีกมุมหนึ่ง นี่เป็น “เครื่องมือ” กดดัน…พรรคเพื่อไทย ให้ต้อง “คิดใหม่” ว่า…ควรยื่นญัตติซักฟอกก่อน หรือควรปล่อยให้มีการแก้รัฐธรรมนูญเดินไปถึงวาระ 3 ก่อนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว

การเคลื่อนไหวของ พรรคประชาชน ในฐานะ “ผู้คุม MOA” ทำให้เกมซับซ้อนขึ้นไปอีก? เมื่อ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ “ไอติม” ที่ยังควยึดจุดยืนเดิมที่ว่า…

หาก “นายกฯอนุทิน” ประกาศยุบสภาฯ เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบ ก็มิต่างจาก “ผู้รับเหมาทิ้งงาน…ปิดกิจการ! หนีการตรวจสอบ”

และ ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ต้องการให้ “อำนาจยุบสภาฯ” เป็นเกราะกำบังรัฐบาล?

อย่างไรก็ดี พรรคประชาชน ก็มีเงื่อนไขชัดเจนในเอกสาร MOA ว่า…หากไม่ยุบสภาฯภายในปลายเดือนมกราคม 2569 หรือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่จบวาระ 3 ภายในสิ้นปีนี้ ก็ต้องยื่นญัตติไม่ไว้วางใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จุดยืนของ “ไอติม” สะท้อนการวางตัวแบบ “ฝ่ายค้านควบคุมรัฐบาลเสียงข้างน้อย” ซึ่งเป็น…ยุทธศาสตร์เฉพาะตัวของพรรคประชาชน ที่ต้องการใช้ “เครื่องมือ” ในระบบรัฐสภา…ให้เป็นตัว “คุมสัญญา” ที่รัฐบาลให้ไว้

พร้อมวิพากษ์ความชอบธรรมของการยุบสภาฯที่เกิดจากความกลัว…แพ้โหวตมากกว่าคุณค่าประชาธิปไตย

ท้ายที่สุด! พรรคเพื่อไทย ซึ่งต้องการทั้ง…การแก้รัฐธรรมนูญ และตรวจสอบรัฐบาล ก็เป็นอีกฝ่ายที่ต้อง “ชั่งน้ำหนัก” ให้มากที่สุด!!??

นพ.ชลน่าน ชี้ว่า…ที่มาของ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ตามสูตร “20 หยิบ 1” อาจทำให้เสียงข้างมากในสภาฯชุดหน้า “กินรวบ” และเกิดรัฐธรรมนูญที่ไม่ต่างจากปี 2560  โดยหากกระบวนการนี้…ไม่ถูกแก้ไข ตามข้อเรียกร้องของพรรคฯ และหากเนื้อหาปรับจนมีส่วนร่วมและความเป็นกลางมากขึ้น

พรรคเพื่อไทย…อาจยืดเวลายื่นญัตติออกไปได้ แต่ถ้ากระบวนการยังคงแนวเดิมการ “ล้มกระดาน” ก่อนวาระ 3 ก็ยังอยู่ในแผนของพรรคฯ

ด้าน นายภราดร ปริศนานันทกุล จากพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า นี่คือ “อำนาจของนายกรัฐมนตรี” ล้วน ๆ พร้อมสะท้อนความเป็นจริงตรงไปตรงมาว่า… หากเกิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ยังไงก็แพ้” เพราะรัฐบาลเป็นเสียงข้างน้อย ต่อให้ชี้แจงดีเพียงใดก็ตาม

การประกาศ “พร้อมเลือกตั้ง!” ตั้งแต่เดือนมิถุนายนก่อนหน้านี้ ยิ่งตอกย้ำว่า…พรรคภูมิใจไทย ได้เตรียมตัวไว้แล้ว ดังนัน การยุบสภาฯ จึงไม่ใช่สถานการณ์ที่ทำให้เกิดความไม่พร้อมของพรรคแกนนำรัฐบาลแต่อย่างใด?

เมื่อดึง ภาพรวมทั้งหมด เข้าไว้ด้วยกัน การส่งสัญญาณ “ยุบสภาฯ” ในวันเปิดสมัยประชุมรอบใหม่ จึงมิต่างจากการ…“เดินหมาก 2 ชั้น” ของฝั่งรัฐบาล

ชั้นแรก คือ…การยับยั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยการสร้าง “ต้นทุน” ทางการเมือง ให้ฝ่ายค้าน…ต้องคิดให้หนัก ว่า…การ “กดปุ่ม” ซักฟอกวันนี้ อาจทำให้…ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ “แท้งกลางครรภ์” ผูกปมความรับผิดชอบทางการเมืองไว้กับ…ผู้ยื่นญัตติ

ชั้นที่สอง คือ…การ “รีเซ็ต” กระดานการเมือง เพื่อเข้าสู่สนามเลือกตั้ง! ในจังหวะที่รัฐบาลเชื่อว่า…ตนเองพร้อมที่สุด! ขณะที่ พรรคการเมืองคู่แข่ง…ยังไม่ได้เตรียมการเข้าสู่วิถีการเมืองผ่านการเลือกตั้งด้วยซ้ำไป

ในมิติเชิงกลยุทธ์ นี่คือ…การตั้ง “เงื่อนไขเชิงบังคับ!” ให้ทุกฝ่ายต้องหันไป “วางไพ่” กันใหม่???

ฝ่ายค้าน ต้องคิดต่อไปว่า…การอภิปรายในวันนี้ มัน “คุ้มค่า” กับการที่…ร่างรัฐธรรมนูญต้องเริ่ม “นับหนึ่ง” กันใหม่หรือไม่?

พรรคประชาชน ต้องพิจารณาว่า…จะกดปุ่มตาม MOA หรือรักษาเวลาที่เหลือให้ร่างเดินหน้า?

ส่วน พรรคเพื่อไทย ก็ต้องเลือกระหว่าง…ความจำเป็นของการตรวจสอบ กับความจำเป็นของการเดินหน้าผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ตัวเองเชื่อว่า…จะต้องเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง!

นายกฯอนุทิน จึงไม่ได้เพียงประกาศ “พร้อมยุบสภา” แต่เป็นการ “จัดวาง…กับดัก” ทางยุทธศาสตร์ เอาไว้ตรงกลางสนามการเมือง

หาก “ฝ่ายค้าน” ยังคงเดินหมากซักฟอกต่อไป เขา (นายกฯอนุทิน) ก็พร้อมจะใช้ “จุดอ่อน” เชิงโครงสร้างของรัฐบาลเสียงข้างน้อย พลิกเป็น “ข้ออ้าง” เปิดศึกเลือกตั้งทันที! และโยนภาระความล้มเหลวของการแก้รัฐธรรมนูญให้กับผู้ที่กดปุ่มอภิปราย

แต่หาก ฝ่ายค้านถอย! นั่นก็หมายถึง…การยืดเวลาของ “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ออกไปอีกหนึ่งช่วง พร้อมเดินหน้าผลักดันกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญ…ให้คลายแรงต้านจากภายใน

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ “การไม่ตัดสินใจ” ก็เท่ากับ “การตัดสินใจ” เพราะทุกการเคลื่อนไหว…ย่อมมีต้นทุนและผลลัพธ์ที่ชัดเจน!!!

และนี่คือ…ยุทธศาสตร์กดดันแบบ Soft Power ที่ทำให้…ฝ่ายค้าน ต้องคิดแทนรัฐบาล? และทำให้สังคมไทย ตั้งคำถามว่า…

ใครกันแน่? ที่ใช้รัฐธรรมนูญเป็น “ตัวประกัน” เพื่อให้เกมการเมือง…ได้เดินไปตามเงื่อนไขของตนเอง!!!

คำประกาศ “พร้อมยุบสภาฯ 12 ธันวาคม” จึงไม่ใช่เพียง…แถลงการณ์ทั่วไป แต่เป็นการ “ส่งสัญญาณ” สงครามทางการเมืองที่สมบูรณ์แบบ

สะท้อนความเข้าใจใน…สมดุลอำนาจ, ความพร้อมเลือกตั้ง และ การใช้ “เวลา” เป็นอาวุธสำคัญในศึกสุดท้ายก่อน “รีเซ็ต” การเมืองไทยครั้งใหม่!

นาทีนี้…ผู้คนในสังคมไทย…ต่างเท่าทัน “เล่ห์การเมือง?” ของนักการเมืองบางจำพวก???

หากยังคงใช้ เกมการเมือง…เพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้องตัวเอง คนไทย…จะสัมผัสและรับรู้ได้ทันที!!!

การชิงประกาศ “ยุบสภาฯ 12 ธันวาคม” ของนายกฯอนุทิน จึงเป็นสิ่งคนไทย…เข้าใจและรับได้?

พวกเขารู้ว่า…คนผิดที่แท้จริงคือใคร? จากพรรคการเมืองไหน?.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password