ไทย : ‘จิ๊กซอว์’ ของทุกขั้วอำนาจโลก???

ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจโลก ไทยกำลังถูกผลักขึ้นสู่เวทีกลางในฐานะ “จุดตัดยุทธศาสตร์” ของภูมิภาค โครงสร้างพื้นฐานยักษ์ ไฮสปีดเชื่อมจีน–อาเซียน, แลนด์บริดจ์ และ SEC กลายเป็นกลไกกำหนดอนาคตประเทศ โจทย์สำคัญคือ ไทยจะเป็น “จิ๊กซอว์ของทุกคน” โดยไม่ตกเป็น “ชิ้นส่วนของใครคนเดียว” ได้อย่างไร

การเมืองโลก..กำลังเดินไปในจังหวะที่ไม่รอใคร!!??

ประเทศไทย…ด้วย ตำแหน่งทางภูมิรัฐศาสตร์อันโดดเด่น! กำลังกลายเป็น “พื้นที่ยุทธศาสตร์” ที่ทุก “ขั้วอำนาจ” ของโลก ต่างต้องการเข้ามาเชื่อมโยง ไม่ว่าจะเป็น…

จีน, สหรัฐฯ, สหภาพยุโรป, ญี่ปุ่น, อินเดีย หรือตะวันออกกลาง ฯลฯ

ทั้งหมด! ล้วนมองไทย ในฐานะ “ประตู” และ “จุดผ่าน” ของ “เส้นทางเศรษฐกิจใหม่” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งต้องวางตัวเป็น “ประเทศที่ไม่เลือกข้าง” ในท่ามกลางการแข่งขันของมหาอำนาจ 2 ฝ่าย

เพื่อที่ ทุกประเทศจากทุกขั้วอำนาจ ได้เข้ามาพึ่งพา…ไทยและอาเซียนแทน โดยไม่ต้องไปผูกติดกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง?

รัฐบาลไทย นับแต่ในอดีต จนถึงชุดปัจจุบัน จึงพยายามเดิน “หมากเกม” ในการผลักดัน โครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ ควบคู่กันไป ทั้ง…

รถไฟความเร็วสูงจีน–ลาว–ไทย–มาเลเซีย–สิงคโปร์, โครงการ แลนด์บริดจ์เชื่อมฝั่งอ่าวไทย–อันดามัน, และ SEC (เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้)

ทั้งนี้…เพื่อวางรากฐาน “ระบบโลจิสติกส์ใหม่” ของประเทศ

เป้าหมาย ไม่ใช่แค่…ลดเวลาขนส่ง หรือเพิ่มมูลค่าทางการค้า แต่คือ…การวางประเทศไทย ก้าวสู่การเป็น “ศูนย์กลางที่ขาดไม่ได้” ของเส้นทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคในศตวรรษที่ 21

ภาพของความร่วมมือไทย–จีน ยิ่งเด่นชัดขึ้น! เมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็น ครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ

เหตุการณ์นี้ มีความหมาย “เชิงสัญลักษณ์” สูงกว่า…การเยือนในระดับรัฐบาล เพราะมันได้สะท้อนถึง “รากลึกของความสัมพันธ์” ระหว่าง…ราชวงศ์ไทย – รัฐบาลจีน เปิดช่องและนำไปสู่ความร่วมมือในระดับที่ “ลึกยิ่งกว่า!”

ทั้งทางด้าน…เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และในมิติยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาค

ผลสะท้อนหนึ่งที่เห็นชัด คือ…ความสนใจของจีน ทั้งภาครัฐและเอกชน ต่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในไทยเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็น…แนวรถไฟความเร็วสูง, การเชื่อมต่อทะเล 2 ฝั่งในภาคใต้ “อ่าวไทย – อันดามัน”, การลงทุนในท่าเรือ หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEC)  

หลายฝ่ายมองว่า…ความสัมพันธ์เชิง “ญาติสนิท” ระหว่างไทยและจีน อาจช่วย “ปลดล็อก!” อุปสรรคเชิงการทูต และทำให้ความร่วมมือ…เดินหน้าได้เร็วขึ้น!!!

อย่างไรก็ตาม การ “เปิดพื้นที่” ให้จีนเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ก็ทำให้เกิด ความกังวลในอีกมุมหนึ่ง ว่า…ประเทศไทยอาจพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐาน และเงินทุนจากจีนมากเกินไป จนเสี่ยง! ต่อการถูก “ผูกขาด” หรือถูก “ร้อยรัด” ด้วยผลประโยชน์ระยะยาว ดังเช่นที่หลายประเทศประสบมาก่อน

นี่คือ…จุดที่ไทยจะต้อง “ตั้งสติ” และหันกลับมามอง “ภาพใหญ่ระดับยุทธศาสตร์” ของประเทศอย่างจริงจัง!!!

การวิเคราะห์โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของไทย…ทั้ง รถไฟความเร็วสูงลาว–จีน–ไทย–สิงคโปร์, โครงการแลนด์บริดจ์ และเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ผ่านกรอบคิดแบบ SWOT Analysis เผยให้เห็น “ภาพยุทธศาสตร์” ที่ซับซ้อนและท้าทายอย่างยิ่ง! ต่อรัฐบาลไทยยุคปัจจุบันและอนาคต???

โครงการเหล่านี้ ตั้งอยู่บน “จุดแข็ง!” เชิงภูมิรัฐศาสตร์…ที่ไทยมีเหนืออีกหลายๆ ประเทศ

นั่นคือ…การมีตำแหน่ง “พื้นที่ตั้ง” ของประเทศอยู่ “กึ่งกลาง” ระหว่าง…จีนตอนใต้, อินโดจีน, คาบสมุทรมลายู และเส้นทางออกสู่มหาสมุทรอินเดีย–แปซิฟิก

กล่าวได้ว่า…หากโครงสร้างพื้นฐานทั้ง 3 โครงการ เกิดขึ้นจริง! ไทยจะกลายเป็น “ประตูยุทธศาสตร์” ที่ทุกขั้วอำนาจต้องการมีส่วนร่วม และเป็น “จุดรวม” ของผลประโยชน์! ที่ช่วย เพิ่ม “อำนาจต่อรอง” ของประเทศไทย อย่างไม่เคยมีมาก่อน???

ทว่าใน อีกด้านหนึ่ง ความอ่อนแอ…ที่ฝังรากลึก! ของ “ระบบรัฐไทย” ยังเป็นเงื่อนไขที่หลีกเลี่ยงไม่ได้!!!

ทั้ง..งบลงทุนระดับล้านล้านบาท ที่จำเป็นต้องอาศัยทั้ง…เงินทุนและเทคโนโลยีจากต่างชาติ, ความล่าช้าของระบบราชการ, ความไม่ต่อเนื่องของนโยบาย (เปลี่ยนรัฐบาลบ่อย) และการบริหารจัดการโครงการขนาดใหญ่…ที่ไทยยังไม่มีประสบการณ์มากพอ

ล้วนเป็น…จุดที่ทำให้ไทยต้องเสี่ยง! ที่จะถูก “ลาก” เข้าสู่ความสัมพันธ์ด้านอำนาจที่ไม่สมดุล? หากขาดการออกแบบยุทธศาสตร์…เชิงป้องกันที่รอบคอบพอ

ตรงกันข้าม! โครงการเหล่านี้…ยัง เปิดโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ ให้ไทยสามารถ “ดึง” นักลงทุนจากหลากหลายภูมิภาค เข้ามาแข่งขันกันอย่างเปิดเผย ไม่ว่าจะเป็น…เพื่อนบ้านในอาเซียน, จีน, อินเดีย, ญี่ปุ่น, สหภาพยุโรป สหรัฐฯ ตะวันออกกลาง หรือแม้แต่นักลงทุนสถาบันระดับโลก

หากไทย…ใช้เวที “โครงสร้างพื้นฐาน” เหล่านี้เป็น “สนามแข่งขันระหว่างประเทศ” แทนที่จะ “ผูกขาด!” ให้กับชาติเดียว???

ผลประโยชน์ที่จะได้รับ! ย่อมมีมากกว่าการได้โครงสร้างพื้นฐาน นั่นคือ…การยกระดับบทบาทไทย ในระบบเศรษฐกิจโลกใหม่

แต่ในขณะเดียวกัน ก็อาจมี ความเสี่ยง! ตามมาได้ หากเปิดช่องให้…ประเทศใดประเทศหนึ่ง ได้เข้ามาควบคุมโครงการมากเกินไป!!! ไม่ว่าจะเป็น…เงินทุน, เทคโนโลยี, การบริหาร หรืออิทธิพลทางการเมืองระหว่างประเทศ!!!

ซึ่งนั่น…จะทำให้ไทยอาจถูก “ผูกมัด!” ถึงขั้น…สูญเสียอำนาจต่อรอง! ได้ในอนาคต

และ อาจเปลี่ยนไทย ไปสู่สถานะ “ผู้ตามยุทธศาสตร์ของคนอื่น” มากกว่าจะเป็น “ผู้กำหนดยุทธศาสตร์ของตนเอง”

นี่ยังไม่นับรวม…ความเสี่ยงด้านหนี้สาธารณะ, ความเสี่ยงด้านอธิปไตยทางเทคโนโลยี รวมถึงความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ที่อาจเกิดจากการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ

เหล่านี้…ล้วนเป็นเงื่อนไขที่ไทยต้องบริหารด้วยความระมัดระวังอย่างถึงที่สุด!!!

ภาพรวมของการวิเคราะห์เชิงลึกนี้ ทำให้เห็นชัดว่า…ความท้าทายที่แท้จริง ไม่ใช่คำถามว่า “โครงการจะสร้างได้หรือไม่?” แต่เป็นคำถามสำคัญกว่ามากว่า นั่นคือ…“ไทยจะบริหารโครงการอย่างไร? เพื่อไม่ให้ถูก “ผูกมัด” โดยประเทศหนึ่งประเทศใด???”

และ ไทย…จะรักษา “พื้นที่ยุทธศาสตร์” ของตัวเองให้เป็น “พื้นที่เปิด” สำหรับทุกฝ่าย โดยไม่กลายเป็นเพียง “อีกหนึ่งชิ้นส่วน” ในยุทธศาสตร์! ของใครชาติหนึ่งชาติใด

ถึงตรงนี้…แนวทางที่รัฐไทย จำเป็นจะต้องดำเนินไปพร้อมกัน ก็คือ…การกำหนดสัดส่วนการลงทุน และสิทธิประโยชน์ ให้กับหลายๆ ประเทศ ได้สามารถเข้ามาแข่งขันอย่างโปร่งใส!!!

เปิด “เวทีลงทุนระหว่างประเทศ” เพื่อคัดเลือกข้อเสนอที่ดีที่สุด กำหนด Local Content และข้อบังคับด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เกิดขึ้นจริง ออกแบบโครงสร้างการกำกับดูแลในรูปแบบรัฐ–เอกชนที่ตรวจสอบได้ และลดภาระงบประมาณด้วยการทยอยลงทุนแบบเฟส

พร้อม ควบคุมความเสี่ยงตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำ ทุกส่วนนี้คือเงื่อนไขจำเป็น หากไทยต้องการให้โครงการขนาดยักษ์เหล่านี้เป็น “จิ๊กซอว์ของทุกคน” ไม่ใช่ “รางเหล็กที่ผูกตัวเองไว้กับใครเพียงชาติเดียว”

หากทำได้…โครงการนี้ จะกลายเป็น “สนามแข่งขันลงทุนระดับโลก” ที่ทำให้ไทย…เป็นที่ต้องการของทุกฝ่าย ไม่ใช่โครงสร้างพื้นฐานที่ผูกติดรัฐเดียวจนเสียสมดุลในระยะยาว

ประเทศที่วางตนเป็น “จิ๊กซอว์ของทุกคน” ได้ จะต้อง…รักษาความเป็นกลางเชิงยุทธศาสตร์ และใช้ประโยชน์จากการที่ทุกฝ่ายต้องการเข้าหาไทย

นี่คือ…การเปลี่ยนสถานะของประเทศ จาก “พื้นที่แข่งขันของมหาอำนาจ” ไปสู่ “ผู้ออกแบบการแข่งขันของมหาอำนาจ”

ซึ่งเป็น “จุดยืน!” ที่ให้ประโยชน์สูงสุดต่อประเทศในระยะยาว

ประเทศไทย..มีความได้เปรียบที่หาไม่ได้ง่ายในภูมิภาค กล่าวคือ เราเป็น “จุดตัด!” ของเส้นทางเศรษฐกิจ ทั้ง เหนือ–ใต้ และ ตะวันออก–ตะวันตก

เรามีเส้นทางทะเล 2 ฝั่ง “อ่าวไทย – อันดามัน”, มีพรมแดนติดหลายประเทศ และมีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ที่ลึกกับมหาอำนาจหลายฝ่าย

สิ่งที่ขาด? คือ “วิธีใช้ความได้เปรียบนี้อย่างมียุทธศาสตร์”

ถ้า รัฐบาลไทย…สามารถวางกรอบความร่วมมือแบบ “เปิดหลายขั้ว” ใช้โครงสร้างพื้นฐาน…เป็นเวทีดึงผู้ลงทุนจากทุกภูมิภาค และกำหนดเงื่อนไขให้เกิดความพึ่งพาแบบ 2 ทาง

นี่…จะเป็น การวางรากฐานยุทธศาสตร์ของประเทศ ที่แข็งแรงที่สุด! ในหลายทศวรรษ และทำให้ไทยไม่ต้องเลือกข้างใครจนสุดโต่ง!!!

ท้ายที่สุด! ไทยควรถามตัวเองด้วย คำถามเดียว นั่นคือ…คำถามที่กำหนดอนาคตประเทศได้ยาวนานกว่าอีกหลายชั่วคน ว่า…

“เราจะเป็นจิ๊กซอว์ของทุกคน!!! หรือจะยอมเป็นชิ้นส่วนของใครเพียงคนเดียว???”

คำตอบ…ของคำถามนี้ ไม่ได้อยู่ใน “คำประกาศนโยบาย” แต่จะ ปรากฏหลักฐานชัด! จากวิธีที่…ไทยบริหารโครงการใหญ่ในอีก 10–20 ปีข้างหน้า

และนี่คือ…บททดสอบเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลไทย ไม่ว่าจะเป็น…รัฐบาลชุดนี้ หรือชุดต่อไป

สุดท้าย…จะเลือกวางตำแหน่งของไทยไว้ในจุดใด?

ระหว่าง…กลาง “เขาควาย” แห่งผลประโยชน์ในทุกมิติของบรรดาชาติมหาอำนาจ!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password