‘ผู้นำโลก’ ร่วมถวายความอาลัย…สมเด็จพระพันปีหลวง

ภายหลังจากการ ประกาศสำนักพระราชวัง เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

รัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้ประกาศให้มี ช่วงไว้ทุกข์อย่างเป็นทางการระยะเวลา 1 ปีสำหรับราชวงศ์และผู้ใต้พระบรมราชานุเคราะห์ และยังได้ขอความร่วมมือไปยังบรรดาข้าราชการ และประชาชน ให้ร่วมแต่งชุดสีดำ–ขาวในช่วงเริ่มต้นไว้อาลัย

ท่ามกลางบรรยากาศแห่งการสูญเสียครั้งใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศนั้น ได้ปรากฏการแสดงความอาลัยจากบรรดา…พระประมุข, ผู้นำประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง อย่างต่อเนื่องและกว้างขวาง สะท้อนถึงบทบาททางประวัติศาสตร์และความผูกพันระหว่างประเทศ ที่ สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงมี รวมทั้งบทบาทในเวทีสากลด้วย

นายกฯอนุทิน ได้กล่าวแสดงความอาลัยต่อหน้าสื่อมวลชน ก่อนเดินทางไปร่วมประชุม สุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า…

“วันนี้ คือ วันที่คนไทยทุกคนไม่ปรารถนาให้มาถึง เพราะเป็นวันที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความสูญเสียอันใหญ่หลวงของชาติ… พระเมตตาของสมเด็จพระพันปีหลวงนั้นหาที่สุดมิได้ พระราชกรณียกิจนานัปการที่ทรงปฏิบัติตลอดพระชนม์ชีพ ล้วนเป็นหลักฐานแห่งพระเมตตาอันไพศาลและความเสียสละเพื่อประชาชน”

ถ้อยคำของนายกรัฐมนตรีไทยสะท้อนให้เห็นถึง ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และแสดงออกถึงความโศกอาลัยร่วมกันของพสกนิกรทั้งชาติ

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้มีคำสั่งให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศ ลดธงชาติลงครึ่งเสาเป็นเวลา 30 วัน เพื่อถวายความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  

ทั้งนี้ รัฐบาลได้กำหนดให้ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐไว้ทุกข์เป็นเวลา 1 ปี และ ขอความร่วมมือจากประชาชนและภาคเอกชนให้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำหรือสีสุภาพ รวมทั้ง ขอให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ปรับลดการจัดงานรื่นเริงหรือกิจกรรมบันเทิงในช่วงนี้ เพื่อแสดงความเคารพต่อพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์

นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียม พระราชพิธีศพอย่างสมพระเกียรติในระดับพระราชพิธีใหญ่ ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักพระราชวัง โดย เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าร่วมถวายสักการะพระบรมฉายาลักษณ์ ณ พระที่นั่งอภิเษกดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ได้ในช่วงเวลาที่กำหนด

โดย รัฐบาลยืนยัน ว่า…แม้จะไม่มีคำสั่ง “ห้าม” จัดงานหรือกิจกรรมภาคเอกชนโดยสิ้นเชิง แต่ขอให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงกาลเทศะ และร่วมกันรักษาบรรยากาศแห่งความสงบและความอาลัยทั่วประเทศ

“สมเด็จพระพันปีหลวงทรงเป็นศูนย์รวมแห่งความรัก ความเมตตา และการเสียสละเพื่อประชาชนชาวไทยทั้งชาติ การจากไปของพระองค์คือความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน” นายอนุทิน ระบุ

หนึ่งในข้อความแสดงความอาลัยที่โดดเด่น จาก ราชวงศ์ต่างประเทศ มาจาก สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ซึ่งมีพระราชสาส์นความว่า…

“สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินี พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และประชาชนแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ร่วมถวายความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แห่งราชอาณาจักรไทย…

สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงเป็นสมเด็จพระราชินีผู้ทรงเป็นที่รักยิ่ง ผู้ทรงอุทิศพระชนมชีพเพื่อการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันเป็นประโยชน์แก่พสกนิกร พระเมตตา ความทุ่มเท และพระวิริยะอุตสาหะอันไม่รู้เหน็ดเหนื่อยของพระองค์ ในการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และในการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ได้ทรงเป็นดั่งแสงนำทางแก่ชาติไทย และเป็นสัญลักษณ์อันทรงคุณค่าแห่งจิตวิญญาณของแผ่นดินสยาม”

พระราชสาส์นนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึง ความเคารพ ความผูกพัน และมิตรภาพอันแนบแน่นระหว่างราชวงศ์ไทย–ภูฏาน อย่างลึกซึ้ง ทั้งยังเป็น การยืนยันถึงบทบาทของ สมเด็จพระพันปีหลวง ในฐานะ “สะพานเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่าง 2 ราชอาณาจักร”

ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดย สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย (U.S. Embassy Thailand) ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ โดยมีข้อความว่า…

“ความจงรักภักดีและการอุทิศพระองค์เพื่อประเทศไทย รวมถึงมรดกแห่งความเมตตากรุณาของสมเด็จพระพันปีหลวง จะคงอยู่ในความทรงจำตราบนานเท่านาน วันนี้พวกเราทุกคนต่างรู้สึกสะเทือนใจต่อความสูญเสียอันยิ่งใหญ่และลึกซึ้งนี้”

แถลงการณ์ดังกล่าว นับเป็นถ้อยคำที่สะท้อนถึง ความเคารพอย่างสูงสุดของสหรัฐอเมริกาต่อพระองค์ และตระหนักถึงพระราชกรณียกิจที่ทรงสร้างคุณูปการอันล้ำค่าต่อประชาชนชาวไทยตลอดพระชนม์ชีพ

ในส่วนของภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะจาก กลุ่มประเทศอ่าวเปอร์เซีย โดย “ผู้นำ” แห่ง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โมฮาเหม็ด บิน ซาเยด อัล นะห์ยาน ได้ส่งข้อความถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งไทย ว่า…

“สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงเป็นผู้ทรงคุณค่าและได้รับความเคารพทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ”

สะท้อนถึง การยกย่องพระองค์ในระดับนานาชาติและมองเห็นบทบาทของพระองค์อย่างกว้างขวาง

ขณะที่ การแสดงความอาลัยข้างต้น ยังครอบคลุมถึง กลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และนานาชาติ โดยมี ผู้แทนของหลายประเทศได้ส่งสารแสดงความเสียใจ เช่น เฟอร์ดีนันด์ โรมูอัลเดซ มาร์โคส จูเนียร์ ประธานาธิบดีแห่งฟิลิปปินส์ ที่ได้กล่าว แสดงความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของพระบรมราชินีพันปีหลวง พร้อมด้วยความเห็นชอบในการยกระดับความร่วมมือด้านสินค้าเกษตรและเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างประเทศ  

บทบาทของ สมเด็จพระพันปีหลวง ในฐานะ “แม่แห่งชาติ” และ ผู้ส่งเสริมงานพัฒนาชนบท งานหัตถกรรมไทย และการอนุรักษ์วัฒนธรรม ถือเป็น…ส่วนสำคัญของภาพลักษณ์ที่สร้างขึ้นทั้งภายในประเทศและบนเวทีโลก

การที่ “ผู้นำ” ในหลายๆ ประเทศ ต่างออกแสดงความอาลัย บ่งบอกว่า…พระองค์ (สมเด็จพระพันปีหลวง) ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลในการส่งเสริมสังคมและวัฒนธรรมไทย และมีบทบาทในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ด้วยเหตุนี้ ช่วงเวลาของการไว้ทุกข์และพิธีพระราชศพของพระองค์ จึงไม่ใช่เพียงเรื่องภายในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนในวงสากล และ ประเทศต่าง ๆ ได้แสดงความเคารพพร้อมกับยอมรับในบทบาทของพระองค์

การเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงนับเป็นเหตุการณ์ที่มีความหมายอย่างลึกซึ้งทั้งในระดับชาติและระดับโลก ทั้งในฐานะ สัญลักษณ์ของความรักความผูกพันของประชาชนชาวไทย และในฐานะ บุคคลผู้สร้างสรรค์บทบาทสาธารณะ ส่งเสริมวัฒนธรรม และยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีสากล

เสียงอาลัยจาก “ผู้นำ” หลายประเทศ…ยืนยันได้ ถึงบทบาทและคุณค่า ที่ สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงทำมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน มาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี ซึ่งไม่เพียง จะก่อประโยชน์ต่อคนไทยและประเทศไทย หากยังมีประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อประชาคมโลก อีกด้วย.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password