รักสงบ – รบ! ไม่ขลาด

“โฆษกรัฐบาล” อาจพูดเพื่อไม่ต้องการซ้ำเติมปัญหากัมพูชา แต่ความเป็นจริง แนวพรมแดนไทย หาได้ปกติ? อย่างที่ “ตัวแทนรัฐบาล” ออกแถลงการณ์ เพราะยังคงตรวจพบการลักลอบวางทุ่นระเบิด PMN-2 – ลูกระเบิดครก – ตะปูเรือใบ ต่อเนื่องและเป็นจำนวนมาก กระนั้น หากสถานการณ์ลุกลามบานปลาย สิ่งที่ทหารไทยและคนไทย ยืนยันได้ คือ… “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด!”

สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2568 ยังคงเป็นประเด็นที่สังคมและประชาคมโลกให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด

แม้ “โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี” นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ในฐานะ กรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) จะยืนยันว่า สถานการณ์ 11 จุด ใน 7 จังหวัดชายแดนยังคงปกติ และกองทัพไทยยังคงตรึงกำลังและเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง

หากแต่ข้อเท็จจริงที่รายงานขึ้นมาจาก กองทัพภาคที่ 2 กลับสะท้อนให้เห็น ความเคลื่อนไหวที่ไม่น่าไว้วางใจของกัมพูชา โดยเฉพาะ การตรวจพบการลักลอบวางทุ่นระเบิดและกับระเบิดใกล้พื้นที่เนิน 350 อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ทับซ้อนทางยุทธศาสตร์

การพบวัตถุระเบิดเพิ่มเติม ทั้ง ทุ่นระเบิด PMN-2 ลูกระเบิดครก และ ตะปูเรือใบจำนวนมาก เมื่อวันที่ 22–23 สิงหาคมที่ผ่านมา ตอกย้ำความกังวลที่ว่า…แม้มีการตกลงหยุดยิงแล้วตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม แต่สถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนยังคงตึงเครียดและเปราะบางอย่างยิ่ง!!!

รัฐบาลไทย ยืนยันว่า มีหลักฐานชัดเจนถึงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขัดกับ การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) รวมถึง การละเมิดสนธิสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็น พันธกรณีระหว่างประเทศที่ห้ามมิให้มีการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

โดย ไทยได้จัดเก็บหลักฐานทั้งภาพถ่าย วิดีโอที่ระบุเวลาอย่างชัดเจน และหลักฐานจากพื้นที่จริง ส่งไปยังหน่วยงานกลางของสนธิสัญญาออตตาวา ณ กรุงเจนีวา เพื่อให้ประชาคมระหว่างประเทศได้รับทราบถึงการกระทำที่ขัดต่อพันธกรณีของกัมพูชา

การเปิดเผยครั้งนี้ มีนัยสำคัญต่อท่าทีของไทยในเวทีโลก เพราะไม่เพียงแต่เป็น การปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ แต่ยังสะท้อนถึง ความพยายามใช้กลไกทางการทูตควบคู่กับการเฝ้าระวังทางทหารท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลไทยในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและสังคมโลก

ความเห็นจากหลายฝ่าย สะท้อนความวิตกกังวลที่ยังคงดำรงอยู่!!!

ฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะ “โฆษกกองทัพไทย” พลโทวินธัย สุวารี ระบุว่า…การบาดเจ็บของทหารไทยจากการเหยียบกับระเบิดหลายครั้งในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมที่ผ่านมา ถือเป็นข้อพิสูจน์ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและสนธิสัญญาออตตาวาอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน กองทัพเรือไทย ยังได้ยืนยันถึงการจัดเก็บ “ข้อมูลลับสำคัญ” จากโทรศัพท์มือถือของกำลังพลกัมพูชาที่ทำหล่น ในวันที่ทหารไทยบุกยิงกระหน่ำด้วยอาวุธร้ายแรงจากเครื่องบิน F-16 แสดงให้เห็นภาพการลักลอบวางทุ่นระเบิด โดยเตรียมนำเสนอเป็นหลักฐานสำคัญในการชี้แจงต่อสังคมโลก เพื่อยืนยันว่า…กัมพูชาเป็นฝ่ายรุกรานและละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ!!!

ใน “มิติการทูต” นายมาริส สันติอำพงษ์ รมว.ต่างประเทศของไทย ได้ออกมาแสดงท่าทีที่ชัดเจน กล่าวหากัมพูชาอย่างตรงไปตรงมา ว่า ยังคงละเมิดสนธิสัญญาออตตาวา และย้ำว่า…ประเทศไทยพร้อมจะดำเนินการตอบโต้ในกรอบที่เหมาะสมทั้งทางการทูตและความมั่นคง

คำพูดดังกล่าวมีนัยว่า…ไทยอาจต้องพิจารณาทางเลือกที่หนักขึ้น?? หากสถานการณ์ไม่คลี่คลาย!!

ในขณะที่ ฝ่ายกัมพูชา โดยองค์กร Cambodian Mine Action Authority ได้ออกมาปฏิเสธเสียงแข็ง และยืนยันว่า…ปฏิบัติตามสนธิสัญญาออตตาวาอย่างเคร่งครัด และเน้นภารกิจการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ไม่ได้ลักลอบวางเพิ่มตามที่ถูกกล่าวหา

ในส่วนของ ประชาคมระหว่างประเทศ นั้น ทาง องค์กรอาเซียนได้จัดส่ง “ทีมสังเกตการณ์ชั่วคราว” เข้าตรวจสอบพื้นที่ชายแดนหลายจุด รวมถึง บริเวณช่องอานม้าจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อประเมินสถานการณ์ โดยแม้รายงานบางส่วนจะยืนยันว่า พื้นที่ชายแดนยังอยู่ในภาวะที่ควบคุมได้

แต่การปรากฏของ วัตถุระเบิดและความเสียหายต่อกำลังพล จากฝีมือของทหารกัมพูชา จึงยังเป็นเครื่องบ่งชี้ที่ว่า…ความตึงเครียดมีแนวโน้มทวีขึ้นและอาจนำไปสู่ความไม่สงบในวงกว้างหากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง

ด้าน สื่อมวลชนและนักวิเคราะห์การเมืองต่างประเทศ ต่าง “จับตา” สถานการณ์นี้อย่างต่อเนื่อง โดย  สำนักข่าวระดับโลก ทั้ง รอยเตอร์ เอพี และเดอะการ์เดียน รายงานตรงกันว่า…

เหตุการณ์ทหารไทยบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดในช่วงเดือนสิงหาคม สร้างแรงกดดันอย่างมากต่อรัฐบาลไทยในการดำเนินการตอบโต้คืนกลับทางฝั่งกัมพูชา!!!

ในขณะที่ โซเชียลมีเดีย และ ฟอรั่มออนไลน์ เช่น Reddit ก็ได้ สะท้อนความเห็นของประชาชนในหลากหลายมิติ บางส่วนยืนยันว่า…กัมพูชาเป็นฝ่ายรุกรานโดยชัดเจน บางส่วน (เฉพาะชาวกัมพูชา) กลับเห็นแย้งว่า ไทยเป็นฝ่ายละเมิดเขตแดนเสียเอง

ความเห็นที่แตกต่างเหล่านี้ ไม่เพียงแสดงถึงความซับซ้อนของข้อพิพาท หากยังสะท้อนถึงความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์และอัตลักษณ์ชาติที่สั่งสมมายาวนาน!!!

จากภาพรวมทั้งหมด จึงเห็นได้ว่า แม้ ตัวแทนรัฐบาลไทย จะแถลงการณ์ยืนยัน ว่า…สถานการณ์ชายแดน 7 จังหวัดยังคงปกติ แต่คำว่า “ปกติ” ในที่นี้อาจหมายถึงการไม่เกิดการปะทะรุนแรงทันที!!!

แต่จากข้อเท็จจริงแล้ว…สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ยังคงตึงเครียดและเสี่ยงต่อการปะทุได้ทุกเมื่อ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชา…ยังคงมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและการลักลอบวางทุ่นระเบิดอย่างต่อเนื่อง

นั่นจึงเป็นเหตุผลทำให้…กองทัพไทยจึงยังคงตรึงกำลังเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง

และ รัฐบาลไทยยังคงต้องเดินหน้าทั้งการทูตและการสื่อสารกับประชาคมโลก เพื่อสร้างความเข้าใจและแรงกดดันต่อกัมพูชา

ในเวลาเดียวกัน สังคมไทยเองยังคงเฝ้าติดตามด้วยความกังวล เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เพียงแต่กระทบต่อความมั่นคง หากยังอาจนำมาซึ่งความสูญเสียที่ร้ายแรงในอนาคต หากไม่สามารถยุติการละเมิดได้อย่างเด็ดขาด!

และนั่นคือสิ่งที่สอดคล้องกับวลีที่ว่า “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด!”

ประเทศไทย…ทหารไทย…คนไทย พร้อมที่จะ “รักษาสันติภาพ” เป็นอันดับแรก

แต่หาก…อธิปไตยถูกละเมิด ความมั่นคงถูกรุกราน ก็ย่อมไม่มีวันที่จะ ยอมถอยหรือยอมแพ้ ในศักดิ์ศรีความเป็นชนชาติไทยอย่างแน่นอน

แม้ประเทศไทยจะรักสงบ แต่เมื่อถึงคราวต้องรบ! ขอยืนยัน คนไทย…ทหารไทย ไม่มีขลาด แน่!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password