ชี้! การค้าโลกไม่นิ่ง ฉุดยอดจดทะเบียนตั้งธุรกิจใหม่ Q1/68 หดตัว 4.72%

พาณิชย์ เผย! สถานการณ์การค้าโลกที่ไม่ชัดเจน ส่งผลต่อการจัดตั้งธุรกิจใหม่ชะลอตัวลง ระบุ! ไตรมาสแรกปีนี้ ยอดจดทะเบียนจตั้งธุรกิจใหม่ชะลอตัว 4.72% แต่แในไทย ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยรายงานสถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนมีนาคม 2568 พบว่า มียอดจัดตั้งธุรกิจใหม่ 7,432 รายลดลง 3.89% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมปีที่แล้ว โดยธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ยังคงเป็นธุรกิจ ก่อสร้างอาคารทั่วไป รองลงมาเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร-ร้านอาหาร 

ส่งผลให้ การจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 มีจำนวนรวม 23,823 ราย ลดลงเล็กน้อยที่ 4.72% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากนักลงทุน ยังรอดูสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างประเทศ และนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกา รวมถึงความเข้มงวดในการปราบธุรกิจนอร์มินี หรือธุรกิจสีเทาที่รัดกุมมากขึ้นก่อนจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท

ส่วนธุรกิจที่น่าสนใจและมีแนวโน้มเติบโตดีในเดือนมีนาคม 2568 คือ ธุรกิจขนส่งทางอากาศ ที่ขยายตัวทั้งด้านรายได้และกำไร จากการท่องเที่ยวที่สามารถฟื้นตัว หลังจากชะลอตัวในช่วงสถานการณ์ โควิด-19 และ ตลาดอีคอมเมิร์ซที่คึกคัก แม้จะมี นิติบุคคลธุรกิจการขนส่งทางอากาศไม่มากนัก จำนวน 141 ราย แต่ธุรกิจที่อยู่ในตลาดสามารถสร้างผลประกอบการได้มาก โดยในปี 2566 มีผลประกอบการ อยู่ที่ 371,369 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึง 51% และเป็นธุรกิจที่รัฐบาลขับเคลื่อนทั้งการพัฒนาการสร้างพื้นฐาน และสร้างธุรกิจสายการบินให้เข้มแข็ง มุ่งสู่การเป็น ศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค

ขณะที่ การจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการในเดือนมีนาคม 2568 มีจำนวน 889 รายลดลง 2.41% อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่สอดคล้องกับการจัดตั้งใหม่สูง แต่ในภาพรวม การจดทะเบียนเลิกธุรกิจในไตรมาสแรกของ ปีนี้ มีจำนวน 3,107 ราย เพิ่มขึ้น 10.61% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนทำให้ ปัจจุบัน มีธุรกิจที่จดทะเบียนนิติบุคคลรวม 1,988,655 ราย  โดยมีนิติบุคคล ดำเนินกิจการอยู่ 942,367 ราย

แต่ถือว่าสวนทางกับการลงทุนของชาวต่างชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจในไทย โดยในไตรมาสแรกของปี 2568 มีการอนุญาตจำนวน 272 ราย เพิ่มขึ้น 94 ราย หรือเพิ่มขึ้น 53% เช่นเดียวกับเงินลงทุนรวม 47,033 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในไทยสูงสุดอันกับ 1 ยังคงเป็นญี่ปุ่น รองลงมาคือสหรัฐอเมริกา จีน สิงคโปร์ และ ฮ่องกง”อธิบดีฯอรมน กล่าวสรุป.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password