สรรพสามิตคาดรายได้ภาษีแอลกอฮอลล์ขยับ หลังรัฐปรับเวลาขายใหม่ – ค่ายรถไฟฟ้าจีนเฮ! บอร์ด EV จ่อขยายเวลาตั้ง รง.ผลิตในไทย

เผย! “บอร์ด EV” เคาะแล้ว ยอมผ่อนปรนบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าจีน ขยายเวลาตั้งโรงงานผลิตฯในไทย ตามเงื่อนไข EV 3.0 ด้าน “อธิบดีกรมสรรพสามิต” คาด! ยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พุ่ง หลัง “นายกฯอิ๊ง” สั่งปลดล็อกเวลาขายใหม่เป็น “สายยันเที่ยงคืน” ดันรายได้ภาษีสุรา-เบียร์ขยับตาม ระบุ! สอดรับนโยบายก่อนหน้านี้ ปรับลดภาษีสรรพสามิตไวน์ สุราแช่ และสถานบริการ จาก 10% เหลือ 5% แจงปีนี้ อาจได้เห็นภาษีใหม่ เช่น ภาษีแบตเตอรี่ และความเค็ม
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวถึงเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพามิตในปีงบประมาณ 2568 ว่า กรมฯได้รับมอบหมายให้จัดเก็บรายได้อยู่ที่ 609,700 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าการจัดเก็บรายได้จริงก็น่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเติบโตเพียงเล็กน้อย โดยรายได้ส่วนใหญ่ยังคงมาจากภาษีเครื่องดื่มและเบียร์ ส่วนภาษีน้ำมันก็มีแนวโน้มที่จะจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นบ้าง แม้จะมีความท้าทายจากอุตสาหกรรมยานยนต์บ้างก็ตาม เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างมาก โดยในส่วนนี้ เชื่อจะช่วยดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ และทำให้กรมฯมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากกรมฯได้ดำเนินนโยบาย EV 3.0 และ EV 3.5 เพื่อสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะ EV 3.0 ซึ่งผู้นำเข้ายานยนต์ไฟฟ้ามาจำหน่ายตามเงื่อนไขที่จะต้องตั้งโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในไทย อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลมีแนวโน้มจะผ่อนปรนด้วยการขยายเวลาของเงื่อนไขดังกล่าวออกไปก่อน เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีเวลาดำเนินการจัดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดเอาไว้ ซึ่งขณะนี้ ได้ผ่านมติที่ประชุมบอร์ด EV ไปแล้ว อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดเพื่อนำเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณา ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ต่อไป
ส่วนประเด็นที่ นายกรัฐมนตรีได้สั่งทบทวนกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคและไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะการปลดล็อกเวลาห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ช่วงเวลา 14.00-17.00 น. โดยกฎหมายใหม่จะเปิดโอกาสให้มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 11.00-24.00 น. จะทำให้การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตเพิ่มขึ้นหรือไม่? เกี่ยวกับเรื่องนี้ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า การขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ก็น่าจะทำให้ภาพรวมของยอดขายสินค้าในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้รายได้ของกรมฯมีเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สอดคล้องกับนโยบายปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตไวน์ สุราแช่ และสถานบริการ จากเดิมจัดเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 10 เหลือร้อยละ 5 ก่อนหน้านี้ โดยรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศและภาพลักษณ์การเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว (Tourist Destination) หรือเป็นศูนย์กลาง (Hub) ด้านร้านอาหารและภัตตาคารที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคและเสริมจุดแข็งด้านราคาในระดับภูมิภาค นำไปสู่การเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยทุกระดับ และเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงให้แวะเวียนมาเที่ยวและใช้จ่ายกันได้อย่างยั่งยืน
“หากสถานบริการเข้ามาสู่ระบบภาษีมากขึ้น ก็น่าจะทำให้ปริมาณการค้าขายสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เพิ่มสูงขึ้นด้วย แต่ในส่วนของสัดส่วนตัวเลขรรายได้จะสูงเพิ่มขึ้นเท่าใด คงต้องกลับไปศึกษาในรายละเอียดและจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง แต่เบื้องต้นเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นภาคบริการและการท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน” อธิบดีกรมสรรพสามิต ระบุ
สำหรับ ภาษีสรรพสามิตใหม่ที่อยู่ระหว่างการศึกษาและเตรียมจะประกาศใช้หลังจากนี้ คือ ภาษีแบตเตอรี่ที่จะต้องสอดคล้องกับการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าและการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยแบตเตอรี่ระดับปฐมภูมิ คือ ใช้ครั้งเดียวทิ้ง จะต้องเก็บในอัตราที่แพงขึ้น ส่วนแบตเตอรี่ระดับทุติยภูมิ หรือใช้แล้วนำไปชาร์จใหม่ได้ ก็จะเสียภาษีในอัตราที่ถูกลง จากเดิมกรมฯกำหนดอัตราภาษีอยู่ในอัตราเดียวที่ระดับร้อยละ 8 ส่วนจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่าใดนั้น ต้องรอรายละเอียดจากการศึกษาอีกครั้ง โดยอิงกับน้ำหนักและความจุของแบตเตอรี่ด้วย คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้
นอกจากนี้ กรมฯยังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อนำระบบภาษีสรรพสามิตมาดูแลในเรื่องสุขภาพของประชาชน โดยในส่วนของภาษีความเค็ม แต่ต้องคุยกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานด้านสาธารณสุข หรือผู้ประกอบการเอกชน โดยมีกรณีศึกษาของการจัดเก็บภาษีความหวาน ซึ่งกรมฯใช้เวลาศึกษาตั้งแต่ต้นจนถึงจัดเก็บภาษีนานถึง 5 ปี ส่วนภาษีความเค็ม เพิ่งจะเริ่มในปีนี้ จึงจำเป็นต้องศึกษาหาข้อมูลให้รอบด้านมากที่สุด ซึ่งความเค็มจะเน้นไปที่การใช้โซเดียม แต่ไม่รวมเครื่องปรุงรสในบะหมี่สำเร็จรูป เชื่อว่าภายในปีนี้คงพอมองเห็นภาพที่ชัดเจนได้.