สลับ 2 อธิบดีกรมภาษี ดีลนี้…มีเพื่อเติมแกร่งให้ ก.คลัง

เหตุย้ายสลับเก้าอี้ระหว่าง 2 อธิบดีกรมภาษี “สรรพากร – สรรพสามิต” หาใช่เหตุบังเอิญไม่? แต่เป็น “ดีลสำคัญ” ระหว่างฝ่ายการเมือง “เจ้ากระทรวง” กับ “หัวหน้าทีม ขรก.ประจำ” เป้าหมายเพื่อเติมความแกร่งให้กับกระทรวงการคลัง ผ่าน “ลวรณ แสงสนิท” ว่าที่ปลัดกระทรวงการคลังคนต่อไป

ห้วงเวลาของ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นับแต่….ยุคของ คสช. จนถึงพรรคพลังประชารัฐ ต่างประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจจาก “ปัจจัยภายนอก” มากมาย นับแต่ต้นปี 2561…ที่โลกต้องผจญกับปัญหาจากผลกระทบของ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ที่ยังไม่สิ้นสุด โลกก็เกิด วิกฤตมหันตภัยไวรัสโควิด-19 ตามมาจนถึงทุกวันนี้

วิกฤตโควิดฯที่เกิดขึ้นยาวนานนับแต่ต้นปี 2563 ไม่ทันจางหาย เศรษฐกิจโลกก็ถูกกระหน่ำจากปัญหาความขัดแย้ง จนกลายเป็นสงครามย่อยระหว่าง…รัสเซียกับยูเครน ที่ยังไม่รู้ชะตากรรมว่า…จะขยายไปสู่ความกว้างไกลของสงครามที่มีการลากเอา “พันธมิตรระดับโลก” มาช่วยรุมสุมไฟต่อหรือไม่?

โอกาสจากวิกฤต! ของผู้ผลิตและผู้ค้าน้ำมันระดับโลก พลิกผันกลายเป็นความเดือนของผู้คนทุกหนแห่ง ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ขยับจากระดับ 50-60 ดอลลาร์ต่อบาเรล ค่อยๆ ปรับตัวจนพุ่งทะลุกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาเรลไปนานแล้ว

ผลจาก “ปัจจัยลบภายนอก” ล้วนส่งผลกระทบถึงฐานะการเงินการคลัง เศรษฐกิจการค้าการลงทุน การส่งออก และการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นฐานรายได้ที่สำคัญของไทยอย่างที่สุด!

เกือบ 8 ปีของ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ และเกือบ 5 ปีของ สารพัดวิกฤตจากภายนอก ได้สร้างความบอบช้ำอย่างที่สุดต่อเศรษฐกิจไทย

ความไร้ประสบการณ์ทางด้านเศรษฐกิจและธุรกิจ ประกอบกับความคุ้นชินกับสภาพการณ์ “อำนาจล้นมือ” นับแต่เป็น “ผู้บัญชาการทหารบก” จนถึงความเป็น “รัฏฐาธิปัตย์” ที่ได้จากการยึดอำนาจเมื่อปี 2557 กระทั่ง ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทั้งในนาม คสช. และพรรคพลังประชารัฐ

ล้วนมีผลต่อวิธีคิดและวิธีทำในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างที่สุด!

เป็นอีกยุคหนึ่งที่…ฝ่ายการเมือง ถูกชักจูง! จากฝ่ายข้าราชการประจำและนักวิชาการ…มากที่สุด!!

สภาพการณ์ดังกล่าว…ยิ่งทำให้ กระทรวงการคลัง ดูมีบทบาทโดดเด่น ดังจะเห็นได้จาก…หลายนโยบาย หลายมาตรการ และหลายโครงการที่ออกมาตลอด 7-8 ปีก่อนหน้านี้ ล้วนพุ่งเป้าไปยังกระทรวงการคลัง แบบสุดๆ!!!

เมื่อบทบาทของกระทรวงแห่งนี้มีความสำคัญมากๆ ดังนั้น โครงสร้างองค์กรและการบริหารจัดการใดๆ จึงต้องได้รับการจัดวางอย่างเหมาะสม การเลือกและใช้คนในภาคราชการจึงต้องชัดเจน…จำเป็นจะต้อง “หาคนที่ใช่” มารับสานต่อภารกิจสำคัญในอนาคตอันใกล้

พูดง่ายๆ ต้องเตรียมการเนิ่นๆ ในการสรรหา “ปลัดกระทรวงการคลัง” คนต่อไป หลังจากที่ “เดอะตู่” นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ เกษียณอายุราชการลงในวันที่ 30 กันยายน 2566

คนที่เหมาะสม…ระดับ “คนที่ใช่” มากที่สุดยามนี้ ถูกโฟกัสไปที่ “เดอะบั๊ด” นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เพราะมีอายุสูงสุด (55 ปี) เมื่อเทียบกับ คนระดับ “คนที่ใช่” ด้วยกัน นอกเหนือจาก…นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร และนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร

แต่เพราะ…อายุงานในระดับ “อธิบดีกรมภาษี” ยังมีไม่มากนัก จำเป็นจะต้องจัดวางเส้นทางให้กับ นายลวรณ ก่อนจะก้าวสู่ตำแหน่ง “ปลัดกระทรวงการคลัง” ในอีก 1 ปีเศษข้างหน้า

การจัดให้ นายลวรณ นั่งเก้าอี้อธิบดีกรมสรรพากร ซึ่งถือเป็น “กรมภาษี” ที่มีบทบาทสำคัญ จากภารกิจจัดหารายได้เข้าแผ่นดินสูงมากที่สุด นัยว่า…เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนก้าวสู่ตำแหน่ง “ปลัดกระทรวงการคลัง” ในอนาคตอันใกล้

ดังนั้น การเสนอให้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงกระทรวงการคลัง โดยสลับเก้าอี้ระหว่าง นายลวรณ กับ นายเอกนิติ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา จึงไม่ได้อยู่นอกเหนือความหมายแต่อย่างใด?

ลึกๆ เรื่องนี้ เจ้าตัวทั้ง 2 คน รวมถึงข้าราชการระดับสูงของกระทรวงการคลัง ต่างล่วงรู้กันมาบ้างแล้ว ถึงขนาดที่วันเดียวกันนั่นเอง…เป็น นายเอกนิติ ที่สั่งการให้…ทีมงานประชาสัมพันธ์ของกรมสรรพากร ออกข้อความโฆษณาเชิญชวนผู้สื่อข่าวประจำกระทรวงการคลัง ไปร่วมจิบน้ำชายามบ่ายในวันที่ 5 พฤษภาคมนี้

ทว่า ก่อนหน้าจะมีการนำเสนอการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงกระทรวงการคลังให้ ครม.พิจารณา นั้น เป็น..นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นายกฤษฎา (ปลัดกระทรวงการคลัง) ที่ได้หารือร่วมกันถึงการสรรหาบุคคลผู้เหมาะสมที่จะเข้ามา “รับไม้ต่อ” จาก…นายกฤษฎา หากถึงคราวจะต้องเกษียณอายุราชการไปแล้ว

คนที่เหมาะสม ระดับ “คนที่ใช่” ในสถานการณ์นี้ จึงถูกโฟกัสมายัง นายลวรณ ดังที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้

สัญญาณ การโยกย้ายแบบเล็กๆ นี้ สะท้อนจากภาพการตอบรับเข้าร่วมพิธีลงนามข้อตกลงตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าร่วมกับระหว่างกรมสรรพสามิต กับบริษัท โตโยต้า ประเทศไทย ของ นายอาคม เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง เสนอให้มีการสลับตำแหน่งระหว่าง 2 กรมภาษี และเป็นวันเดียวกับที่ นายเอกนิติ ชวนนักข่าวมาจิบน้ำชายามบ่าย

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหาใช่เรื่องบังเอิญ ทุกอย่างมีการวางแผนและเตรียมการ ทั้งหมดล้วนเป็น “ดีล” ที่ฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำ หวังจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับกระทรวงการคลัง หน่วยงานที่ถือเป็น “หัวหอกสำคัญ” ในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล และขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password