‘ภูมิธรรม’ ทิ้งทวนเก้าอี้พาณิชย์ – ลั่น 1 ปีสำเร็จตามเป้า ดันสินค้าเกษตรขึ้นยกแผง เพิ่มรายได้คนตัวเล็ก SME ลดค่าครองชีพ
“ภูมิธรรม” โอ่…ผลการทำงาน 1 ปี ตามยุทธศาสตร์ 7 ข้อ สำเร็จตามแผน ทั้งการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส เผย! เพิ่มรายได้เกษตรกรเกือบ 2 แสนล้านบาท ดันข้าวเปลือกเจ้า สร้าง “นิวไฮ” ในรอบ 20 ปี แถมสินค้าเกษตรอื่นๆ อย่าง สับปะรด กระเทียม หอมแดง มีราคาสูงสุดประวัติศาสตร์
ระบุ! ช่วยคนตัวเล็กมีรายได้ ทั้งขายออนไลน์ บูมตลาดต้องชม หมู่บ้านทำมาค้าขาย ไปรษณีย์@ธงฟ้า ปั้นร้านอาหาร Thai SELECT เป็นโชว์รูม ลุยเจาะตลาดจีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เร่งเจรจา FTA ใช้กลยุทธ์ตลาดแนวใหม่ ขายสินค้าไทยผ่านซีรีส์วาย ซีรีส์ยูริ นำ KOL ไลฟ์ขายสินค้า พร้อมลดค่าครองชีพ ทั้งลดราคา จัดธงฟ้า ลดต้นทุนค่าเช่า ค่าลิขสิทธิ์เพลง ระบุอยากเห็นอนาคตพาณิชย์ทำงานแบบ “เข้าถึง ขับเคลื่อน และเคียงข้างไปด้วยกัน“ พร้อมเดินหน้าจ่ายเงินสดกลุ่มเปาะบางในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก่อนสิ้นเดือน ก.ย.นี้
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความสำเร็จของการทำงานในตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รอบ 1 ปีที่ผ่านมา ว่า นโยบาย 7 ด้าน ไม่ว่าจะเป็น 1.ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส 2.บริหารให้เกิดความสมดุลระหว่างผู้บริโภค เกษตรกร ผู้ประกอบการ 3.ทำงานเชิงรุกระหว่างพาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์ 4.แก้ไขข้อจำกัดของกฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมายที่เก่าล้าสมัย 5.ร่วมขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต 6.เร่งผลักดันส่งออกจากติดลบให้เป็นบวก และ 7.ผลักดันการใช้ประโยชน์จาก FTA ปรากฏผลความสำเร็จในทุกด้าน โดยสามารถดูแลตั้งแต่เกษตรกรในฐานะ “คนฐานราก” ของประเทศ รวมถึงการดูแลประชาชนผู้บริโภคให้มีภาระค่าครองชีพลดลง และยังดูแลผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SME ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันและช่วยเพิ่มรายได้
โดยในด้าน การเพิ่มรายได้ สามารถ สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเพิ่มขึ้นเกือบ 2 แสนล้านบาท จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาพืชผลทางการเกษตร โดยพืชหลัก ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มัน ปาล์ม ยางพารา ช่วยเหลือเกษตรกรเกือบ 8 ล้านครัวเรือน ดูแลปริมาณผลผลิตเกือบ 90 ล้านตัน สร้างสถิติราคาซื้อขายข้าวเปลือกเจ้าได้สูงสุดในรอบ 20 ปี พืชรอง ได้แก่ ผลไม้ พืช 3 หัว และผัก ช่วยเหลือเกษตรกรเกือบ 1.5 ล้านครัวเรือน ดูแลปริมาณผลผลิตกว่า 8 ล้านตัน สร้างสถิติราคาซื้อขายสับปะรด กระเทียม หอมแดง สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์
นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ผู้ประกอบการชุมชน และ SME โดยผลักดันการค้า E-Commerce ทั้งในและต่างประเทศ เกิดมูลค่าการซื้อขาย 2,347.70 ล้านบาท อาทิ ทำ MOU กับ Rakuten ญี่ปุ่น เพื่อจำหน่ายสินค้าไทย ร่วมมือกับ Amazon ขายออนไลน์ นำสินค้าไทยขายบน Shopee มียอดขาย 71.44 ล้านบาท เชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับตลาดต้องชม 251 แห่ง เพิ่มรายได้ 1,987 ล้านบาท พัฒนาหมู่บ้านทำมาค้าขาย เพิ่มรายได้ 185 ล้านบาท ผลักดันเพิ่มมูลค่าสินค้า GI สร้างรายได้ 71,000 ล้านบาทต่อปี ใช้ร้านอาหาร Thai SELECT ในต่างประเทศเป็นโชว์รูม เพื่อเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการและผลักดัน Soft Power ทั้งอาหาร ดนตรี เชื่อมโยงร้านอาหาร Thai SELECT กับการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มรายได้ และเพิ่มรายได้ให้ร้านธงฟ้า จัดไปรษณีย์@ธงฟ้า อำนวยความสะดวกผู้ค้าออนไลน์ และประชาชน ให้บริการ Drop Off ให้บริการรับพัสดุแล้วกว่า 1 แสนชิ้น จัดกิจกรรมฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผ่านการจัดตลาดพาณิชย์ทั่วประเทศ โดยประสานพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้ผู้ประกอบการรายเล็ก ในช่วง 1 ส.ค.–30 ส.ค. จำนวน 318 ครั้ง มีผู้ประกอบการเข้าร่วม 4,683 ราย สร้างรายได้ 373 ล้านบาท ตั้งเป้าจัดตลาดพาณิชย์ 935 ครั้ง ในช่วง ส.ค.-พ.ย.67 คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้เป็นจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน ได้เพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการ โดยนำเข้าร่วมงานแสดงสินค้า อาทิ HoReCa 2024 , THAIFEX – Anuga Asia 2024 และ STYLE Bangkok 2024 สร้างมูลค่าซื้อขายกว่า 1 แสนล้านบาท จัด Thailand SME Synergy Expo 2024 สร้างมูลค่าการค้ากว่า 200 ล้านบาท
ส่วน การขยายโอกาสทางการค้า ได้เดินหน้า เจาะตลาดหลัก โดย จีน นำเข้าผู้ประกอบการเข้าร่วมงาน CAEXPO สหรัฐฯ นำเอกชนลงนาม MOU ซื้อขายข้าวและอาหาร ญี่ปุ่น ผลักดันอาหาร ผลไม้ ผ้าไทย ซีรีส์วายในงาน Thai Festival Tokyo ฝรั่งเศส นำเอกชนเข้าร่วมงาน Cannes Film Festival 2024 คาดมูลค่าเจรจาการค้ากว่า 11,000 ล้านบาท ใช้แคมเปญ Think Thailand Next Leve ในการบุกตลาด อินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เกาหลีใต้ ซาอุดีอาระเบีย และแอฟริกาใต้ ผลักดัน การค้าชายแดน และแก้ไขอุปสรรคทางการค้า โดยเฉพาะการเจรจาเปิดด่าน เพื่อรองรับฤดูกาลผลไม้ไทย การลงนาม FTA ไทย-ศรีลังกา ผลักดันการเจรจา FTA ไทย-EFTA ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2567 เปิดเจรจา FTA ใหม่ อาทิ ไทย-เกาหลีใต้ ไทย-ภูฏาน และไทย-บังคลาเทศ การรุกตลาดเมืองรอง โดยต่อยอด MOU ที่ลงนามไปแล้ว สร้างมูลค่าการค้ากว่า 5,500 ล้านบาท อาทิ ความร่วมมือกับมณฑลกานซู่ ปูซาน โคฟุ
พร้อมกันนี้ ได้เพิ่มโอกาสทางการค้าผ่านกลยุทธ์ตลาดแนวใหม่ โดยใช้ ซีรีย์วาย ซีรีย์ยูริ ดึง มาย-อาโป ฟรีน-เบ็คกี้ ยกระดับสินค้าชุมชน อาทิ สมุนไพร สุราชุมชน ขนมขบเคี้ยว Tie-in เข้าสู่ตลาดโลกผ่านซีรีส์ และนำเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่ฮ่องกง เวียดนาม ฝรั่งเศส เกิดการจับคู่ธุรกิจ 756 คู่ มูลค่า 4,102 ล้านบาท ใช้เครือข่าย KOL จีนไลฟ์สดขายสินค้าและบริการไทย เพื่อสร้างรายได้ให้คนตัวเล็ก กำหนดจัดวันที่ 25-29 ก.ย.67 คาดการณ์มูลค่า 1,500 ล้านบาท จัดทำ MOU กับ Sinopec นำสินค้าไทยจำหน่ายใน Easy Joy ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน คาดการณ์มูลค่า 1,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี การเจรจาธุรกิจออนไลน์ (OBM) เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ฮาลาล สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น คาดการณ์มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท การทำงานเชิงรุกทูตพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัด ขายกล้วยหอมเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่น ขายลำไยเข้าสู่ตลาดจีน ขายมังคุดไปจีนและญี่ปุ่น และเปิดตลาดผ้าไทยในญี่ปุ่น เป็นต้น รวมไปถึง การช่วยสร้างโอกาสทางการค้า จากการใช้ประโยชน์จาก Big Data คิดค้า.com เพื่อให้เกษตรกร ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์ มีสินค้าเกษตร 13 ชนิด เศรษฐกิจการค้ารายจังหวัด และเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น มีผู้ใช้งานกว่า 220,000 คน เฉลี่ย 22,000 คน/เดือน
สำหรับ การลดรายจ่าย จัดโครงการ “พาณิชย์สั่งลุย…ลดราคา”ลดราคาสินค้าจำเป็น ช่วงเทศกาลสำคัญ ปีใหม่ ตรุษจีน กินเจ ก่อนเปิดภาคเรียน ลดสูงสุด 60-85% รวม 8 กิจกรรม ลดค่าครองชีพได้ 8,060 ล้านบาท และกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 13,400 ล้านบาท จัด “โครงธงฟ้าราคาประหยัด ลดค่าครองชีพประชาชน” จำหน่ายสินค้าจำเป็นราคาต่ำกว่าท้องตลาด 20-40% รวม 1,134 ครั้ง ลดค่าครองชีพ 130 ล้านบาท จัดจำหน่ายสินค้าผ่านรถโมบายในแหล่งชุมชน 450 จุด ลดค่าครองชีพ 122.09 ล้านบาท จัดโครงการร้านอาหารธงฟ้า มีจำนวน 5,607 ร้าน ลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชนประมาณวันละ 2.63 ล้านบาท หรือ 960 ล้านบาท จัดพาณิชย์สั่งลุยราคาปุ๋ย ลดต้นทุนให้เกษตรกร 102 ล้านบาท ลดต้นทุนให้ร้านค้า ผู้ประกอบการ 14,000 ราย มูลค่า 53 ล้านบาท ด้วยการงดจัดเก็บค่าเช่าพื้นที่ในกระทรวง และขอความร่วมมือตลาดในสังกัด กทม.ไม่เก็บด้วย งดการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ให้ผู้ประกอบการใช้เพลงที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง ฟรี 3 เดือน ตั้งแต่ ธ.ค.66–มี.ค.67 และมอบส่วนลดค่าลิขสิทธิ์เพลง 50–55% ต่อเนื่องอีก 1 ปี ลดต้นทุนผู้ประกอบการ SME ที่ใช้งานเพลง 400,000 ราย มูลค่า 3,300 ล้านบาท
สำหรับ เป้าหมายในการทำงาน ได้วางอนาคตกระทรวงพาณิชย์ใน 3 ด้าน คือ เข้าถึง ขับเคลื่อน และเคียงข้างไปด้วยกัน…ต่อ โดย การเข้าถึง จะเน้นการสร้างเครือข่าย ผลักดันการค้า เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงพาณิชย์ง่าย สะดวก ทั่วประเทศและทั่วโลก ส่วน การขับเคลื่อน ทีมพาณิชย์จะทำงานเชิงรุกขับเคลื่อนทั้งช่องทางและสินค้ายุคใหม่และการใช้ประโยชน์จาก Data Analytic รวมถึงทีมพาณิชย์บูรณาการร่วมกับทีมประเทศไทย สำหรับ การเคียงข้างไปด้วยกัน…ต่อ จะเน้นคนตัวใหญ่ช่วยคนตัวเล็ก และขับเคลื่อนพลังคนรุ่นใหม่ ซึ่งตนได้ฝากแนวทางนี้ให้กับนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ให้ช่วยสานต่อและขับเคลื่อนแล้ว
นอกจากนี้ ได้ฝากให้ขับเคลื่อนการทำงานของทีมพาณิชย์ ที่ได้แต่งตั้งไว้ 9 คณะ ได้แก่ 1.พัฒนาศักยภาพเกษตรกร 2.ยกระดับ SME 3.ขับเคลื่อนการค้าไทย-จีน-อาเซียน 4.ขับเคลื่อนโลจิสติกส์การค้า 5.ใช้ Big Data และ Influencer 6.ผลักดันนโยบาย Soft Power 7.พัฒนาการค้าตามระเบียบโลกใหม่ 8.พัฒนากฎหมายกระทรวง และ 9.สร้างการรับรู้และภาพลักษณ์กระทรวง ที่ขณะนี้ การทำงานมีความคืบหน้าทุกคณะ และอยากให้สานงานต่อ
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 17 ก.ย.นี้ ที่ประชุมจะเห็นชอบกรอบโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่จะมีการปรับหลักเกณฑ์เล็กน้อย โดยคนที่ลงทะเบียนผ่านเว็บทางรัฐไว้แล้วกว่า 30 ล้านคนจะได้รับเงินตามโครงการนี้แน่นอน โดยจะแบ่งเป็นการใช้งบในปี 2567 ให้กับกลุ่มเปราะบางก่อนกว่า 14 ล้านคนจะได้รับเงินสดทันที 10,000 บาทที่จะนำไปใช้จ่ายอะไรก็ได้ ส่วนที่เหลือที่ลงทะเบียนไว้แล้วจะเดินหน้าแยกเงินในงบปี 2568 โดยกำลังดูในรายละเอียดแบ่งจ่ายใช้เป็นเงินสด 5,000 บาทและอีก 5,000 บาท จะจ่ายผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อให้ประชาชนสามารถนำเงินไปใช้จ่ายค่าครองชีพและเป็นงบกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้จริง.