สภาสังคมสงเคราะห์ฯนำร่องแก้ขายสลากแพง! – จ่อชงบอร์ดสลากฯ ขอสิทธิ์ ‘ผู้พิการ – คนจน’ ขายหวย L6

สภาสังคมสงเคราะห์ฯ สวมบทผู้นำการเปลี่ยนแปลงในกลุ่ม “องค์กรสาธารประโยชน์” วางกติใหม่ให้ ผู้พิการ – คนจน “ตัวจริง!” รับสลากกินแบ่งฯไปขายเอง ณ จุดขายที่ขึ้นทะเบียนไว้ในราคาควบคุม 80 บาท ผิดจากนี้ พร้อมยึดคืนสิทธิ์ทันที! ด้าน “ดร.มนัส โนนุช” ผู้สวมหมวกทั้ง “บอร์ดสลากกินแบ่งฯ – ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ” พร้อมแก้ไขปัญหาสลากฯไม่เพียงพอ เหตุจาก “ขอมากว่า 4 หมื่นราย ให้ได้จริงแค่ 4 พันรายเศษ” เตรียมชงบอร์ดพิจารณา ตั้งเป้า! ขอโอกาสให้ “ผู้พิการ – คนจน” ได้สิทธิ์ขายสลาก L6

ปัญหา “การขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา” ที่มีมายาวนานต่อเนื่องหลายสิบปีนั้น ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากบรรดาองค์กรที่เกี่ยวข้องกับคนพิการและผู้มีรายได้น้อยหลายแห่ง ได้นำสลากฯที่องค์กรต้นสังกัดได้รับจัดสรรจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ไปขายต่อให้กับบรรดา “ยี่ปั๊ว” หรือผู้ค้าส่งสลากฯ จึงทำให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างถาวรทำได้ยากมากขึ้น

ล่าสุด “องค์กรสาธารประโยชน์” อย่าง สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่มี ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส โนนุช ประธานสภาฯ ได้ประกาศนำร่องในการแก้ไขปัญหา “การขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา” เพื่อเป็นแนวทางให้กับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับคนพิการและผู้มีรายได้น้อยอื่นๆ ได้ดูเป็นตัวอย่างและดำเนินการแก้ไขอย่างเป็นระบบต่อไป

ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส กล่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ ได้ดำเนินการจัดวางระบบใหม่ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา “การขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา” โดยเปิดโอกาสให้ผู้พิการและผู้มีรายได้น้อย ทั้งรายเก่าและใหม่ได้ลงทะเบียนเพื่อขอรับสลากฯ ไปจำหน่าย โดยในปีนี้ มีการลงทะเบียนขอรับสลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวน 40,447 คน แต่เนื่องจากโควตาที่ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ ได้รับจัดสรรจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีจำกัดเพียง 4,000 กว่าคน จำเป็นจะต้องดำเนินการจัดทำระบบการแจกจ่ายสลากฯเสียใหม่ ทั้งเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา “การขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา” และสร้างความเป็นธรรมในสังคมฯ

“เนื่องจากจำนวนผู้ลงทะเบียนขอรับสลากฯไปจำหน่ายมีมากเกินโควตาที่ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ ได้รับจัดสรรมา ดังนั้น คณะกรรมการจัดสรรสลากของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย จึงได้จัดเตรียม เจ้าหน้าที่วิชาชีพสังคมสงเคราะห์ ทำการสัมภาษณ์ และคอยติดตามกลุ่มผู้พิการและผู้มีรายได้น้อยเหล่านี้ เพื่อทำการคัดเลือกให้เข้ารับสลากไปจำหน่าย โดยยึดหลักว่า ผู้พิการแต่ละรายทั้ง 7 ประเภท ต้องมีบัตรผู้พิการที่กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการออกให้ รวมทั้งผู้มีรายได้น้อยตามที่รัฐกำหนด ประกอบในการรับสลากฯไปจำหน่าย และต้องจำหน่ายด้วยตนเองในราคา 80 บาท พร้อมทั้งกำหนดจุดจำหน่ายที่ชัดเจน แน่นอน หากไม่ปฏิบัติตามกติกาที่เรากำหนดไว้ ก็จะทำการยกเลิกสิทธิ์การเป็นผู้จำหน่ายสลากฯ โดยจะนำสลากดังกล่าวไปมอบให้แก่ ผู้ลงทะเบียนรับสลากไปจำหน่ายรายใหม่ ต่อไป” ประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ย้ำ

ส่วนปัญหาสลากฯไม่เพียงพอต่อการนำไปจัดสรรต่อ นั้น ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส ในฐานะ กรรมการบริหาร (บอร์ด) สลากกินแบ่งรัฐบาล (ผู้แทนสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์) กล่าวว่า จากการที่มีผู้ลงทะเบียนทั้งหมด ทั้งรายเก่าและใหม่ 40,447 ราย สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ สามารถจัดสรรให้กับผู้พิการได้เพียง 1,675 คน และผู้มีรายได้น้อยอีก 2,359 คน ส่วนที่ลงทะเบียนไว้ยังไม่ได้รับสลากไปจำหน่าย ตนในฐานะผู้แทนสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ จะนำรายชื่อทั้งหมดเสนอสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อขอรับสลากเพิ่ม รวมถึงขอโอกาสเป็นตัวแทนในการจำหน่ายสลากแบบใหม่ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (L6) ต่อไป

“เราภูมิใจที่ได้มีส่วนสำคัญในการนำร่องโครงการแก้ไขปัญหาการขายสลากฯเกินราคา 80 ปี ให้กับองค์กรสาธารประโยชน์อื่นๆ ด้วยวิธีการนำโควตาสลากฯมาจัดสรรใหม่ ภายใต้กติกาที่เป็นสากล ตั้งแต่จัดส่งเจ้าหน้าที่ฯมาทำการสัมภาษณ์ พูดคุยและสอบถาม รวมถึงคอยสังเกตพฤติกรรมของผู้มาขอรับสลากฯไปจำหน่าย ทั้งนี้ หากไม่ใช่ผู้พิการหรือยากไร้จริงแล้ว ก็จะตัดสิทธิ์ในทันที เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้พิการและผู้ยากไร้ตัวจริงได้รับสลากฯไปจำหน่ายต่อ โดยจะต้องมีจุดจำหน่ายที่ชัดเจนและต้องจำหน่ายในราคา 80 บาท” ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส กล่าวและว่า

“ผู้ที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ ต้องมีจุดยืนชัดเจน เนื่องจากจะมีผลประโยชน์จำนวนมหาศาล ที่เกิดขึ้นจากการขายช่วงสลากกินแบ่งฯ ซึ่งบรรดายี่ปั๊วทั้งหลายพร้อมจะมอบให้อยู่แล้ว แต่หากเรายึดความถูกต้องและผลประโยชน์ของประชาชน รวมถึงผลประโยชน์ของผู้พิการและผู้มีรายได้น้อยส่วนใหญ่แล้ว ก็จะต้องช่วยกันแก้ไขปัญหานี้ ดังนั้น การที่ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ ได้ดำเนินโครงการนำร่องในการแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา จึงเป็นความภาคภูมิใจของคณะกรรมการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ อย่างที่สุด”.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password