‘ณรงค์ศักดิ์ ’ นั่งปธ.หอการค้าไทย-จีนสมัยที่ 3 หนุนการค้า 2 ชาติ ก่อนฉลองสัมพันธ์ 50 ปี

หอการค้าไทย-จีน แต่งตั้ง “ณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล” นั่งแท่นประธานอีกสมัย หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ไทย-จีน ร่วมสรรค์สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับหอการค้าไทย-จีน บนเส้นทางสายมิตรภาพไทย-จีน สอดรับความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ที่จะครบรอบ 50 ปี ในปี 2568

เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา, นายณรงค์ศักดิ์  พุทธพรมงคล  ได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน สมัยที่ 29 เป็นการทำหน้าที่ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน ตั้งแต่ปี 2563 ติดต่อกัน 3 สมัย โดยมีผู้เข้าร่วมแสดงความยินดี ราวๆ 500 คน โดย นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวขอบคุณและยินดีทุ่มเทความรับผิดชอบในภารกิจการสืบสานและต่อยอดพันธกิจหอการค้าไทย-จีน พร้อมกับคณะกรรมการและสมาชิกทุกท่าน เพื่อนำพาองค์กรก้าวไปข้างหน้า เผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ต่างๆ ด้วยความเข้าใจ ร่วมกันปฏิรูปและพัฒนาการดำเนินงานเพื่อให้บริการนักธุรกิจชาวจีนและชาวจีนโพ้นทะเลอย่างเต็มที่  พร้อมมุ่งปลูกฝังคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาสืบสานปณิธานและวัฒนธรรมของหอการค้าไทย-จีน

ในการนี้ นายยง สุขสุดประเสริฐ ประธานกิตติมศักดิ์ผู้ทรงเกียรติถาวร กล่าวแสดงความเชื่อมั่นใน “พิธีส่งมอบตราตั้ง” ครั้งนี้ ว่า ภายใต้การบริหารงานของ ประธานณรงค์ศักดิ์ และคณะกรรมการหอการค้าไทย-จีน สมัยที่ 29 จะสืบสานเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษ พร้อมสร้างอนาคตร่วมกัน สร้างสรรค์ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับหอการค้าไทย-จีน สืบต่อไป

ด้าน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์  ประธานองคมนตรี เป็นประธานในพิธีการรับมอบตำแหน่งคณะกรรมการหอการค้าไทย-จีน สมัยที่ 29 ได้กล่าวแสดงความยินดีกับนายณรงค์ศักดิ์ ที่ได้รับความไว้วางใจดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน อีกวาระหนึ่ง พร้อมกล่าวชื่นชม หอการค้าไทย-จีน ที่ได้แสดงบทบาทเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ ไทย-จีนให้แน่นแฟ้นในทุกมิติ ตลอดระยะเวลา 114 ปี ที่ผ่านมา และ เชื่อมั่นว่าหอการค้าไทย-จีน จะทำหน้าที่เสาหลักของนักธุรกิจไทยเชื้อสายจีนและชาวจีนโพ้นทะเล เพื่อร่วมพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป

นายอู๋ จื้ออู่  อัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย แสดงความยินดีและชื่นชมบทบาทหอการค้าไทย-จีน ซึ่งเป็น องค์กรชาวไทยเชื้อสายจีนที่ใหญ่ที่สุดสั่งสมชื่อเสียงมายาวนานเป็นที่ยอมรับในสังคมวงกว้าง และยังเป็นศูนย์รวมนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลชั้นนำในประเทศไทยมาโดยตลอด  พร้อมกันนี้ นายอู๋ จื้ออู่  แสดงความเชื่อมั่นว่า ประธานณรงค์ศักดิ์ จะนำคณะกรรมการหอการค้าไทย-จีน แสดงบทบาทผู้นำชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทย  สร้างความสามัคคี พร้อมอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเล มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระหว่างประเทศไทยและจีน เพื่อสร้างความก้าวหน้าและความสามัคคีของชาวจีนโพ้นทะเล และส่งเสริมความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-จีน

ในยุคใหม่นี้ นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า เราต้องร่วมกันยกระดับบทบาทหอการค้าไทย-จีน ซึ่งเป็นองค์กรที่มีประวัติมายาวนานกว่า 100 ปี ในเวทีโลกให้มากขึ้น โดยการเรียนรู้จากองค์กรต่างๆ ทั่วโลก ประสานความร่วมมือกับสมาคมธุรกิจต่างๆ เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าของสังคมไทยอย่างกลมกลืน

“ทั้งนี้ หอการค้าไทย-จีน พร้อมทำหน้าที่เป็นสายใยผูกพันความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ในทุกมิติ ช่วยเผยแพร่เรื่องราวดีๆ ของประเทศจีน  ในขณะเดียวกันก็แนะนำสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจและการลงุทนในประเทศไทย  ผลักดันกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ต่างๆ ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาจีนในประเทศไทย ผลักดันให้เกิดความร่วมมือในเชิงลึกในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน  การท่องเที่ยว และพลังงานใหม่ เป็นต้น  รวมถึงการแบ่งปันโอกาสในรูปแบบจีนสมัยใหม่  ส่งเสริมการสร้างโอกาสเข้าสู่ตลาดจีนที่มีขนาดใหญ่ กว่า 1,400 ล้านคน  และสนับสนุนการสร้างประชาคมไทย-จีน ที่มีอนาคตร่วมกัน เพื่อความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ ร่วมสรรค์สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับหอการค้าไทย-จีนบนเส้นทางสายมิตรภาพไทย-จีน ต่อไป” นายณรงค์ศักดิ์  กล่าว

อนึ่ง จีนถือเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ มีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ร้อยละ 30 จีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย ตั้งแต่ปี 2556 เป็นเวลากว่า 11 ปี  และยังเป็นตลาดส่งออกสินค้าไทย อันดับ 2 (รองจากสหรัฐอเมริกา) นอกจากนี้ นักลงทุนจีนยังเข้ามาลงทุนในประเทศไทยสูงเป็นอันดับต้นๆของนักลงทุนต่างชาติในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา  ดังนั้น การลงนาม “ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกัน” ระหว่างประเทศไทยและสาธารณัฐประชาชนจีน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม นี้เป็นต้นไป จะเป็นการอำนวยความสะดวกและส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว การค้าการลงทุน ไทย-จีน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทย ตามเป้าหมายจำนวน 8 ล้านคนตามที่วางไว้ในปีนี้.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password