จักรวาล BAM ร่วมพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย

(New BAM Universe…ภาพใหญ่เชิงยุทธศาสตร์จาก “วิสัยทัศน์…นักกลยุทธ์” ของ ดร.รักษ์
วรกิจโภคาทร)

ในยุคที่เศรษฐกิจไทย กำลังถูกท้าทายด้วย “กองภูเขาหนี้เสีย…มหาศาล” BAM ภายใต้การนำของ “ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร” กับแผนเชิงกลยุทธ์…ในการสร้าง “จักรวาล BAM” ขึ้นใหม่…เครือข่ายยุทธศาสตร์ ที่จะ “ปรับเปลี่ยน”องค์กรของ AMC แบบเดิม ให้กลายเป็น “เครื่องยนต์” ฟื้นฟูภาคธุรกิจ และมีส่วนร่วมสำคัญต่อการจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยอย่างเป็นระบบ

 ในช่วงเวลาที่ เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญ “ปัญหาหนี้เสีย!” ในระดับที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง!!! ทั้งต่อ…ภาคครัวเรือน, ธุรกิจ และสถาบันการเงิน

 ความหวังในการคลี่คลายสถานการณ์…อาจไม่ได้อยู่ที่ “ตัวเลขอัตราดอกเบี้ย” หรือ “มาตรการชั่วคราว” ใดๆ แต่จะไหลไปรวมกันอยู่ที่ “องค์กรเฉพาะทาง” อย่าง BAM หรือ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็น “กลไกฟื้นฟูเศรษฐกิจ”
ที่มีบทบาทเชิงโครงสร้างในการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังและเป็นระบบที่สุด
!  
 

การแต่งตั้ง ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ให้ดำรงตำแหน่ง “ซีอีโอ” หรือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2568 จึงถูกจับตามองเป็นพิเศษ เพราะเขาคือ…ผู้บริหารองค์กรภาครัฐ ที่ขึ้นชื่อว่า “คิดเป็นระบบ,  วางแผนเป็นยุทธศาสตร์ และลงมือทำแบบมีสูตร”  ได้โดดเด่นที่สุด!คนหนึ่งของประเทศนี้…

จากประสบการณ์ทำงาน ทั้งจาก…ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์), บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
(บสย.) และ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (
EXIM BANKX รวมถึงบทบาทระดับนโยบายด้านเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ

จึงไม่แปลก! หาก “จุดเริ่มต้น” กับการทำงานร่วมกับ BAM แล้วจะมี…คำถามง่าย ๆ แต่ทรงพลัง! จาก ดร.รักษ์ หลังเข้ารับตำแหน่งไม่นาน
ที่ว่า
ทำไมหนี้เสีย…ต้องเป็นของเสีย?”

โจทย์อันเป็น “ปุชฉา” ข้อนี้…จะได้นำไปสู่ “วิสัชนา” ในการวางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนองค์กรได้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมีแบบแผน

แต่การจะก้าวให้ถึงเป้าหมายก็จะไม่ใช่เรื่องง่าย กับองค์กรที่ดำรงตัวตนมาตลอดระยะเวลา 25 ปีเศษ และนั่นจึงไปสู่ การปรับ “วิธีคิด” ขององค์กรใหม่ทั้งหมด???

ด้วยแนวคิดที่ว่า…หนี้เสีย (NPL) และ ทรัพย์รอการขาย (NPA) ไม่ได้เป็น “ภาระ” ขององค์กร เพราะหากนำไปผ่าน…กระบวนการที่ถูกต้อง มันสามารถจะถูก “รีไซเคิล” ให้กลับมาเป็นทรัพย์, เป็นธุรกิจ และเป็นโอกาสใหม่ ให้กับระบบเศรษฐกิจไทย…ได้ใช้ประโยชน์กันอีกครั้ง!!!

การมอง หนี้เสีย เป็น “วัตถุดิบ” แทนที่จะเป็น “ของที่ต้องกำจัด” นั่นคือ “จุดตั้งต้น” ของแนวคิดในการสร้าง BAM Universe หรือ จักรวาล BAM ที่ๆ จะสร้าง “ระบบนิเวศธุรกิจใหม่” ซึ่ง ดร.รักษ์ ได้ออกแบบขึ้นมา

โดยมี BAM เป็น “ศูนย์กลาง” และ พันธมิตรธุรกิจ เป็น “วงโคจร” รอบองค์กรแห่งนี้

ตลอดระยะเวลาเพียงแค่ 6 เดือนเศษ กับบทบาท ซีอีโอ BAM ดร.รักษ์ ได้วาง “หมุดหมาย” เชิงยุทธศาสตร์ เอาไว้ชัดเจน ผ่าน 10 ผลงานเด่น” ซึ่งทั้งหมด…สอดรับกับการแถลง ผลดำเนินงานในรอบ 9 เดือนของ BAM ที่เพิ่งประกาศไปเดือนที่ผ่านมา…

 โดยผลประกอบการ 9 เดือนของปี 2568 พบว่า…BAM มีกำไรพุ่งแตะ 1,695 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 57% พร้อมการประกาศเดินหน้าโมเดล Partnerships รุกทั้ง NPL และ NPA นำสู่การวางระบบ จักรวาล BAM” ข้างต้น

 กับความมุ่งหวังที่จะ…ยกระดับองค์กรสู่ “BAM X” ที่เติบโตอย่างยั่งยืน

 นั่น…ได้สะท้อนภาพใหญ่ของการขับเคลื่อนองค์กรอย่างเป็นระบบ

 เริ่มจาก…โครงการ BAM X Transformation ที่วางรากฐานใหม่ ให้ทั้ง Business Model, กระบวนการภายใน และศักยภาพบุคลากร เปรียบเสมือนการ “ยกเครื่ององค์กร” ให้พร้อมเข้าสู่สนามการแข่งขันที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

ไม่ใช่เพียงเพื่อ…ทำให้ BAM อยู่รอด แต่ทำให้ BAM เป็นผู้นำ!!!

 ต่อมาคือ การสร้าง TDR Factory เครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ สำหรับฟื้นฟูลูกหนี้แบบอุตสาหกรรม โดย BAM ทำหน้าที่เป็นเสมือน
“โรงงานแก้หนี้” ที่เน้นปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้ลูกหนี้กลับมามีธุรกิจ, มีรายได้ และมีศักยภาพทางเศรษฐกิจอีกครั้ง

แนวคิดนี้สะท้อนชัดว่า ดร.รักษ์ ไม่ได้คิดแบบ AMC ที่ทำหน้าที่ “ปิดบัญชี” แต่คิดแบบ “นักวางแผนเศรษฐกิจ” ที่ต้องการคืนคน, คืนธุรกิจ และคืนความสามารถ ให้กลับสู่ระบบเศรษฐกิจไทย!

 ควบคู่กันไป BAM ยังเปิดตัว FA Center ศูนย์ให้คำแนะนำทางการเงินเพื่อลดการเกิด NPL ใหม่ เพราะนี่คือ…กลไกเชิงป้องกันที่
องค์กร
AMC ในอดีต…แทบไม่เคยให้ความสำคัญ แต่ภายใต้แนวทางของ ดร.รักษ์ ที่เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า…การฟื้นฟูลูกหนี้ ต้องเริ่มตั้งแต่ต้นทาง ก่อนจะกลายเป็นหนี้เสีย และในทางเศรษฐศาสตร์

 นี่คือ…การลดต้นทุนของระบบการเงินทั้งประเทศ อย่างแท้จริง!

 ด้าน ความร่วมมือ กับ สถาบันการเงิน BAM เปิด JV Window และ NPL Partnership ร่วมกับหลายธนาคาร อาทิ ARI AMC (ร่วมกับธนาคารออมสิน) และ ARUN (ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย) โดยมีแผนจะขยายการร่วมทุนเพิ่มขึ้นกับสถาบันการเงินรายใหญ่เพื่อเพิ่มศักยภาพการทำกำไรในอนาคต

 สิ่งนี้…ทำให้บทบาทของ BAM ขยายจาก “ผู้ซื้อหนี้” ไปเป็น “ผู้บริหารสินทรัพย์ระดับระบบ” ที่พร้อมจะแบ่งปันกำไรร่วมกับธนาคาร อีกทั้งยังช่วยลดภาระ NPL ในระบบการเงิน

 ผลการดำเนินงาน 9 เดือน ล่าสุด! มันได้สะท้อนชัดว่า…โมเดลนี้ ได้ทำให้ BAM มีรายได้และสภาพคล่องดีขึ้น ควบคู่ไปกับการลดความเสี่ยงของธนาคารพาณิชย์ ที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ

 อีกสิ่งที่โดดเด่นที่สุด! ในชุดผลงานนี้ คงไม่พ้น แนวคิดในการสร้าง NPA Partnership ด้วยการ “จับมือ” ร่วมกับ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายสำคัญ ได้แก่ อรสิริน กรุ๊ป, บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป, ไซมิส แอสเสท และไซมิส แอนด์ เวลธ์ รวมถึง ธนาคารยูโอบี ที่สนับสนุนสินเชื่อให้ลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ BAM

นี่คือ “ดาวสำคัญ” ในจักรวาล BAM!!!

พราะ NPA ที่เคยเป็นภาระของทุกๆ องค์กร ได้ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ ให้เป็น…โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, การรีโนเวต หรือสร้างให้เป็น “ทรัพย์สำหรับการอยู่อาศัยในราคาจับต้องได้…”

มันไม่ต่างจาก “โมเดล” ที่จะทำให้ BAM ไม่ได้ขายทรัพย์เพียงเพื่อการ “ปิดบัญชี” แต่สร้าง “มูลค่าใหม่” ให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ และยัง ช่วยให้ประชาชน…ได้เป็น “เจ้าของบ้าน” ง่ายขึ้น! ในราคาที่เหมาะสมและจับต้องได้

ล่าสุด BAM ก็เพิ่งเซ็นสัญญากับพันธมิตรธุรกิจ เพื่อเดินหน้าขยายศักยภาพด้านการจำหน่าย NPA ด้วยการลงนามความร่วมมือทางธุรกิจกับ บริษัท เอ็ม บี เค การ์ด จำกัด (MBKG) และ บริษัท เอเจ้นท์พลัส (ไทยแลนด์) จำกัด

 โดยมุ่งพัฒนาโครงการ “NPAs Smart Agent” ระบบบริหารการขายทรัพย์ NPA ที่ใช้เทคโนโลยีและเครือข่ายนายหน้ามืออาชีพเข้ามาเพิ่มช่องทางการตลาด ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ และสนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใสยิ่งขึ้น

รวมถึงการ เซ็น MOU ร่วมกับ บริษัท บริหารสินทรัพย์ไพร์มโซน จำกัด (Prime Zone หรือ PZ) สร้างความร่วมมือทางธุรกิจในด้านบริหารจัดการสินเชื่อ NPL และ NPA โดยมุ่งเน้น…การสร้างผลประโยชน์สูงสุดทางด้านธุรกิจร่วมกัน 

สำหรับ งานด้าน “ดิจิทัล”…BAM ภายใต้การนำของ ดร.รักษ์ ก็พร้อมจะเดินไปข้างหน้าด้วยเช่นกัน! การเปิดตัว BAM Choice Application ช่วยทำให้การค้นหา และการซื้อทรัพย์สะดวกและโปร่งใสมากขึ้น

 นับเป็นก้าวสำคัญในการทำให้ “ตลาด NPA” ให้กลายเป็นตลาดที่คนทั่วไป สามารถจะเข้าถึงได้ง่ายๆ และยังสนับสนุนให้ BAM ก้าวสู่การเป็น “องค์กรดิจิทัลเต็มรูปแบบ” ได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

 ใน ด้านสังคม BAM ได้เปิดตัวโครงการ “ทรัพย์มหาชน” เพื่อให้ “ผู้มีรายได้น้อย” และ “ผู้ที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อ” ได้มีโอกาส “เข้าถึง” ที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น และในราคาที่จับต้อง อีกด้วย

 นับเป็นมิติ ESG หรือ แนวคิดในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเชื่อมการพัฒนาองค์กร เข้ากับคุณภาพชีวิตของประชาชน

 

อีกทั้ง BAM ยังได้ร่วมกับพันธมิตรด้านสิทธิมนุษยชน ผุดโครงการใหญ่ นั่นคือ การปิดตัว ศูนย์เยียวยาสมานฉันท์ (BRC)” ซึ่งจะเป็น ศูนย์เยียวยาต้นแบบแห่งแรก” ที่ออกแบบให้ประชาชนที่เป็นหนี้เข้าถึงการให้คำปรึกษาการไกล่เกลี่ย การประเมินผลกระทบ และการเยียวยาอย่างรอบด้าน

ภายใต้กระบวนการที่เป็นธรรม โปร่งใสและปราศจากอคติ สอดคล้องกับหลักการชี้แนะของสหประชาชาติว่าด้วย ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (UNGPs) โดยเฉพาะด้านการเยียวยาที่ประชาชนสามารถตรวจสอบและเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิผล

ขณะเดียวกัน ภายในองค์กรของ BAM เอง ก็ได้มีการ “ยกระดับคุณภาพชีวิต” ของพนักงาน ผ่านโครงการสุขภาพ สวัสดิการ และสวัสดิการกู้ยืม จนทำให้ BAM ถูกมองว่าเป็น “องค์กรรัฐวิสาหกิจที่ดูแลคนดีที่สุดแห่งหนึ่ง” ในปีนี้

โดยมีเป้าหมายเพื่อการสร้าง “ทุนมนุษย์” ในระยะยาว

BAM ยังร่วมมือกับ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดตัวโครงการ BAM Academy ตั้งเป้าหมายที่จะ “พัฒนาความรู้” ให้บุคลากร ทั้งรุ่นใหม่และผู้บริหาร

การลงทุนกับคนในระดับนี้ สะท้อน “มุมคิด” เชิงยุทธศาสตร์ระยะยาว ของ ดร.รักษ์ ที่เชื่อมั่นว่า…การจะปรับเปลี่ยนองค์กร จะต้องเริ่มจากการ “ปรับเปลี่ยนทักษะของคน” และ “เปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร” ให้พร้อมเดินไปสู่การเป็น…AMC ยุคใหม่

และเพื่อ ผลักดันบทบาทของ BAM ในระดับอุตสาหกรรม ซีอีโอ BAM จึงมีแนวคิดในการ จัดงาน BAM Symposium รวม AMC พันธมิตรทางการเงิน และหน่วยงานรัฐและเอกชน เพื่อวางกรอบทิศทางร่วมกัน

นี่ไม่ใช่เพียง งานประชาสัมพันธ์ แต่เป็นการสร้าง “แพลตฟอร์มความร่วมมือระดับประเทศ” ซึ่งสะท้อนบทบาทของ BAM ในฐานะ “ผู้นำเชิงนโยบาย” ของภาคธุรกิจบริหารสินทรัพย์ไทย

ทั้งหมดนี้ ประกอบกันเป็น ภาพของ “จักรวาล BAM” ที่กำลังขยายตัวอย่างเป็นระบบ และทุกองค์ประกอบ ล้วนสอดรับกับผลการดำเนินงานขององค์กร ในช่วงที่ผ่านมา…

ผลงานในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา ถือเป็นอีกรอบที่มีความเคลื่อนไหวเชิงสร้างสรรค์อย่างที่สุด! ตั้งแต่ BAM เข้าตลาดหลักทรัพย์

ผลลัพธ์! จึงไม่ได้เป็นเพียง…ตัวเลข แต่เป็น…คุณภาพการฟื้นฟูของสินทรัพย์, ความร่วมมือกับภาคธุรกิจ, การเพิ่มสภาพคล่องตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการลดความเสี่ยงของระบบการเงินในประเทศ

 ในภาพรวม ดร.รักษ์ จึงไม่ได้ทำหน้าที่เพียงการ “บริหารองค์กร” แต่ยังทำงานในฐานะ “นักวางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ” ที่มองบทบาท AMC ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาที่ปลายทาง แต่เป็น การ “สร้างวงจรใหม่” ที่ทำให้ “หนี้เสีย” ได้ถูก “รีไซเคิล”

และได้กลับมาเป็น…โอกาสทางเศรษฐกิจ โอกาสทางสังคม และโอกาสในการพัฒนาประเทศใหม่อีกครั้ง!!!

หาก BAM Universe หรือ จักรวาล BAM ภายใต้การนำของ ดร.รักษ์ เดินหน้าไปตามสถาปัตยกรรมทางธุรกิจ AMC ที่ “ซีอีโอ BAM” ได้ออกแบบไว้

 ในแวดวงสังคมธุรกิจ และเศรษฐกิจของไทย ก็อาจจะได้เห็น BAM กลายเป็น “ต้นแบบ AMC 4.0” ของภูมิภาคนี้ และกลายเป็น “เครื่องจักรสำคัญ” ที่จะช่วย “ยกระดับ” เสถียรภาพระบบการเงินไทย….ให้ไปได้ดี ในอีกหลายปีข้างหน้า!!! ด้วยเช่นกัน.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password