แย่ง ‘ชัชชาติ’!!??

ศึกชิงตัว “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อาจปะทุ! ก่อนถึงศึกเลือกตั้งใหญ่ปี 2569 หลายพรรคการเมือง…เก่า – หม่, ใหญ่–กลาง–เล็ก ต่างหมายตา “ผู้ว่าฯ กทม.” ที่ครองอันดับ 1 ใน “ธำรงศักดิ์โพล” และเมื่อเวลานับถอยหลัง 4 ปีแห่งวาระ “ผู้นำการเมืองท้องถิ่น” ตัวเต็ง! รายนี้…อาจต้องตัดสินใจเพื่อชาติครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต…เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยไปตลอดกาล!!??

กรอบเวลาการเมืองไทย! ที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กับ “รัฐบาล 4 เดือน” เคยให้สัมภาษณ์และพูดหลายครั้งในหลายเวที ทำนอง…

ณ สิ้นเดือนมกราคม 2569 จะประกาศยุบสภาฯ

แม้จะเหลืออีกเกือบ 3 เดือน แต่หลายพรรคการเมือง ต่างก็เตรียมการ…วางคน ทั้ง “3 แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี” และตัวผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคฯ เอาไว้เป็นส่วนใหญ่กันแล้ว

บางพรรคฯ…สร้างและวางนโยบายของตัวเอง เพื่อเป้าหมาย…พาเหรด ส.ส. เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” และ “หัวหน้ารัฐบาล (นายกรัฐมนตรี/ผู้นำประเทศ)”

และแม้ยามนี้…จะยัง ไม่มีการยุบสภาฯ แต่บรรยากาศการเมืองไทยปลายปี 2568 ถือว่า…ได้เข้าสู่ “โหมดก่อนศึกเลือกตั้งใหญ่ปี 2569” อย่างชัดเจนแล้ว

ใครที่เห็นผลโพลของ “อาจารย์ธำรงศักดิ์โพล” ในหัวข้อ “ท่านปรารถนาให้ใครได้เป็นนายกรัฐมนตรี หลังการเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งต่อไป” จัดทำโดย รศ. ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ ผู้อำนวยการหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ระบุถึงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนใน 53 จังหวัด 101 อำเภอ รวม 5,300 คน โดยจัดเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 4-19 ตุลาคม 2568 ด้วยฝีมือของทีมงาน…นักศึกษาปริญญาตรี-โท-เอก คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต 160 คน

คนไทยเกินครึ่ง ชี้ชัดว่า…ส่วนใหญ่ ยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร???

ราว 23.55 % ระบุว่า…“ยังไม่มีผู้เหมาะสม” และ “ไม่แสดงความเห็น” อีกราว 38.98 %

ส่วนสำคัญที่สุด! คือ นั่นเพราะ…นาทีนี้ คนไทยอาจยังมองไม่เห็นใครในกลุ่ม “แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี” ของแต่ละพรรคการเมือง

ยกเว้น! บางพรรคที่พอจะคาดเดาได้ เช่น พรรคภูมิใจไทย “1 ใน 3” ต้องมีชื่อของ นายอนุทิน ในฐานะ “หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย” แน่!!!

กระนั้น ในตัวเลือกที่คนไทยแอบคิด…แอบฝัน อาจเพราะคาดเดากันไปเอง นั่นคือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ได้รับคะแนนสูงสุด 15.61% (826 คน)

เหนือกว่า….นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ 8.75% (463 คน) และ นายอนุทิน 7.27% (385 คน) ส่วน แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย 4.12% (218 คน) และ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ 1.72% (91 คน)

ในแง่ของตัวบุคคล ถือว่า…นายชัชชาติได้รับความนิยมสูงสุด! กับคำถามที่ว่า…“อยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า”

ผลสำรวจข้างต้น ชี้ให้เห็น ภาพสะท้อน ที่มากกว่า “คะแนนนิยมส่วนบุคคล” เพราะนี่คือ…สัญญาณเชิงยุทธศาสตร์ ที่ว่า…

การเมืองไทยกำลังเข้าสู่ยุคที่ “ผู้นำฝ่ายบริหารท้องถิ่น” โดยเฉพาะ ผู้ว่าฯเมืองหลวง กลายเป็น “ทางเลือกใหม่ของประเทศ” ที่ประชาชนเริ่มให้ความสำคัญมากกว่า….นักการเมืองอาชีพ!!??

นายชัชชาติ เริ่มดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 ด้วยคะแนนเสียงกว่า 1.3 ล้านเสียง ซึ่งเป็น สถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์กรุงเทพมหานคร และเป็นเขาที่เคยให้คำมั่นชัดเจนว่า…จะทำหน้าที่จนครบวาระ 4 ปี (จะสิ้นสุดวันที่ 21 พฤษภาคม 2569)

แต่จาก…สถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน และกระแสจากโพลที่แรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เกิดคำถามสำคัญตามมาว่า… เขาควร “อยู่ครบวาระตามคำพูดเดิม” หรือ “ตัดสินใจครั้งสำคัญเพื่อประเทศชาติ”

สิ่งที่น่าสนใจในผลโพลข้างต้น ก็คือ…ประชาชนกว่า 23% ตอบว่ายัง “ไม่พบผู้เหมาะสม” และ เกือบ 40% “ไม่แสดงความคิดเห็น” รวมกัน…มากกว่าครึ่งของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ซึ่งหมายถึงประชาชนส่วนใหญ่…ยังไม่ตัดสินใจเลือก “ผู้นำประเทศ”

ขณะที่ชื่อของ นายชัชชาติ กลับโดดเด่น! ที่สุดใน…กลุ่มที่ตัดสินใจแล้ว นี่คือ…ปรากฏการณ์เชิงจิตวิทยาทางการเมืองที่สะท้อน ว่า…

คนไทยกำลังแสวงหา “ผู้นำรุ่นใหม่” ที่พ้นจากการแบ่งขั้ว…แยกฝ่าย แต่มีผลงานจริงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ชัด!!!

ในมุมของ…แผนยุทธศาสตร์ระดับประเทศ ปรากฏการณ์นี้…สะท้อนจุดเปลี่ยน! เชิงโครงสร้างทางการเมือง โดยหากวิเคราะห์เชิงลึก ตามกรอบ SWOT Analysis แล้ว…

การเมืองไทยเวลานี้ มี “จุดแข็ง” กล่าวคือ ยังมีบุคลากรทางการเมือง ที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์บริหารจริง

นั่นก็หมายความว่า…ประชาชนคนไทย เริ่มสนใจ “ผลงานที่จับต้องได้” มากกว่า…การใช้ วาทกรรมการเมือง!!! เหมือนในอดีต…

พรรคการเมือง…ต่างมีช่องทางเสนอชื่อ แคนดิเดตนายกฯ ได้ถึง 3 คน ซึ่งเปิดพื้นที่ให้ “คนคุณภาพ” เข้าสู่ระบบการเมือง ได้ โดยไม่ต้องเป็น “นักการเมืองอาชีพ – เต็มตัว!”

ขณะเดียวกัน ก็มี “จุดอ่อน!” ที่เห็นได้ชัด นั่นคือ…ระบบพรรคการเมือง ยังขาดความต่อเนื่องทางนโยบาย

พรรคใหญ่จำนวนมาก…ยังคง “อิงตัวบุคคล” มากกว่า “แนวคิดพรรค” และยังไม่มีพรรคใด? พร้อมรองรับ “ผู้นำเทคโนแครต” อย่าง…นายชัชชาติได้เต็มรูปแบบ!!??

อย่างไรก็ตาม โอกาส…ก็ยังเปิดกว้าง เมื่อ ประชาชนจำนวนมากต้องการ “ผู้นำมืออาชีพ…ไม่ยึดขั้วเก่า”

ดังนั้น การยุบสภาฯ ที่คาดว่าจะมีขึ้นในต้นปี 2569 จะเกิดขึ้นเกือบพร้อมกับการ “ครบวาระ 4 ปี” ในตำแหน่ง “ผู้ว่าฯ กทม.” พอดี

นั่นหมายถึง…จังหวะเวลาที่เอื้อให้ นายชัชชาติ สามารถประกาศ “ขยายผลจากกรุงเทพฯ สู่ประเทศไทย” ได้ โดยไม่ถูกกล่าวหาว่า “ทิ้งตำแหน่งกลางคัน!”

ขณะที่ อุปสรรคสำคัญ? ยังคงอยู่ที่ “ภาพลักษณ์” ทางศีลธรรมการเมือง หาก ลาออก…โดยไม่มีการสื่อสารที่ดี ก็อาจถูกโจมตีได้ว่า “ผิดคำพูด” หรือ “หิวอำนาจ”

รวมถึง ความต่อเนื่องของงานบริหารในกทม. ที่ต้องเตรียม “ทีมรักษาการ” เอาไว้ล่วงหน้า…

หากทุกอย่างเดินไปสู่จุดที่ว่านี้ได้!!! การเมืองไทย…จึงจะเข้าสู่ “สมรภูมิรบใหม่” ที่เรียกได้ว่า… “ศึกชิงตัว’ชัชชาติ”

เพราะไม่ว่า…พรรคใด? ที่ได้ตัว นายชัชชาติ เป็น “1 ใน 3 แคนดิเดทนายกฯ” ย่อมถือครอง “แบรนด์นายกรัฐมนตรีที่ประชาชนเชื่อถือมากที่สุดในปี 2568” ไว้ในมือ…

พรรคเพื่อไทย…อาจดูเหมือน…เป็น “ตัวเต็ง” ลำดับแรก เนื่องเพราะเคยเป็น “บ้านเดิม” ในทางการเมือง ที่นายชัชชาติ ได้เติบโต เคยดำรงตำแหน่ง “รมว.คมนาคม” ใน “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” อีกทั้ง…ยังมี สายสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับ “แกนนำระดับสูง” ของพรรคฯ

ภายใต้การนำของ “หัวหน้าฯคนใหม่” อย่าง….นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ก็กำลังอยู่ในช่วง “ยกเครื่อง” ทั้ง นโยบาย ตัวบุคคล และภาพลักษณ์

หากได้ นายชัชชาติ เข้ามาเป็น…แคนดิเดตนายกฯ จะช่วย…ฟื้นคืนความเชื่อมั่นให้พรรคฯในทันที!!!

 แต่เงื่อนไขสำคัญ คือ…พรรคเพื่อไทยต้องยอมให้ นายชัชชาติ เข้ามาในฐานะ “หุ้นส่วนทางนโยบาย” ไม่ใช่ “คนของพรรค” เหมือนที่เคยทำกับคนอื่นๆ ในช่วงที่ผ่านมา…

อีกพรรคที่ “ถูกจับตา” ไม่แพ้กัน? นั่นคือ…พรรคประชาชน พรรคใหม่ที่เกิดหลังการ ยุบพรรคก้าวไกล ที่มี ฐานสนับสนุน ในหมู่ “คนรุ่นใหม่” และมี ภาพความสะอาดโปร่งใส

พรรคการเมืองนี้…อาจเข้ากับ “บุคลิก” ของ นายชัชชาติ ในมิติ “ผู้นำมือสะอาด – ทำงานจริง – ไม่ติดขั้ว” ได้ดีที่สุด!!!

แต่ปัญหา? คือ…เครื่องจักรเลือกตั้ง! ยังไม่แข็งแรงพอ ไม่มีฐานทุนและทีมงานพร้อมเหมือนพรรคใหญ่ หาก นายชัชชาติ ตัดสินใจเข้าร่วมจริง เขาอาจได้ชื่อว่าเป็น “หัวใจ” ของพรรคในทันที แต่ก็ต้องแลกกับการทุ่มสรรพกำลัง เพื่อสร้างทั้ง…ระบบภายในและเครือข่ายการเมืองใหม่ทั้งหมด ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี

ถือยากและเสี่ยงเกินไป!!!

ส่วน พรรคภูมิใจไทย แม้มี…ภาพลักษณ์ของพรรคที่บริหารได้จริง! ภายใต้การนำของนายอนุทิน แต่ด้วย โครงสร้างอำนาจภายในที่ “รวมศูนย์สูง!!??”

ทำให้…แทบเป็นไปไม่ได้ที่พรรคนี้ จะ “เปิดพื้นที่” ให้กับ “ผู้นำคนนอก” ขึ้นมานำทางการเมือง…ในนามพรรคฯ

ดังนั้น จึงไม่น่าจะเป็น “เส้นทาง” ที่สอดคล้องกับ นายชัชชาติ แม้ในทางเทคนิคการบริหารจะมีแนวทางคล้ายกัน ก็ตามที…

ส่วน พรรคอื่นๆ ที่มีอยู่แล้ว และพรรคใหม่…ที่เตรียมจะเปิดตัวในวันข้างหน้า ถือว่า…ไม่ใช่ “ตัวเลือกที่ดีนัก” ในยามนี้

ต่อให้มี…เงินดำและเทา…มากมายมหาศาล ที่พร้อมซัพพอร์ต! ในแบบ…อันลิมิต! ก็ไม่น่าจะใช่ทางเลือก ของคนอย่าง…นายชัชชาติ อย่างแน่นอน!!!

การตัดสินใจของ นายชัชชาติว่าจะ “อยู่ต่อ” หรือ “ก้าวออก” ก่อนครบวาระ จึงไม่ได้อยู่ที่การเมือง แต่ขึ้นอยู่กับ “หลักประกันภารกิจ” ที่พรรคใด? สามารถมอบให้ได้มากกว่า…

“ทีมข่าวยุทธศาสตร์ออนไลน์” ประเมินว่า…หาก นายชัชชาติ จะยอมขยับออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. ได้นั้น ต่อเมื่อมีเงื่อนไขครบ 4 ข้อ คือ…

หนึ่ง พรรคต้องให้สิทธิเขาและทีมงานร่วมกำหนดนโยบายระดับชาติ โดยเฉพาะ ด้านโครงสร้างเมือง เศรษฐกิจชุมชน และสิ่งแวดล้อม

สอง ต้องให้เสรีภาพในการคัดเลือก “ทีมมืออาชีพ” เข้าเป็น…ทีมบริหาร โดยไม่ถูกครอบด้วยโครงสร้างพรรค

สาม ต้อง เปิดโอกาสให้เขาสื่อสารต่อประชาชนได้โดยตรง ในฐานะ “ผู้นำภารกิจชาติ” ไม่ใช่เครื่องมือของพรรค

และ สี่ ต้องมีหลักประกันให้ “ทีมงาน” ของเขาที่กรุงเทพมหานคร ว่า…จะสามารถสานต่องานได้โดยไม่สะดุด! เพื่อไม่ให้ถูกโจมตีว่า “ทิ้งงานกลางคัน!!!”

ในทางยุทธศาสตร์ หากพรรคใด? ตอบรับเงื่อนไขทั้งหมดนี้…ได้ครบถ้วน โอกาสที่จะได้ นายชัชชาติ มาเป็น…แคนดิเดตนายกฯ ก็มีสูง!!!

เพราะประชาชน…กำลังโหยหา “ผู้นำ” ที่ไม่เพียงพูดดี แต่ต้อง “ทำได้จริง” ผลงานในฐานะ ผู้ว่าฯ กทม. ในรอบเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างเครดิตไว้พอสมควร

ทั้ง…การจัดการระบบขนส่งสาธารณะ พื้นที่สีเขียว ระบบน้ำ และการสื่อสารแบบเปิดเผยตรงไปตรงมา

สะท้อนภาพ “ผู้นำยุคใหม่” ที่มีทักษะบริหารเมืองและเข้าใจชีวิตคนเมืองอย่างแท้จริง!!!

ปรากฏการณ์นี้…ทำให้หลายฝ่ายเทียบ นายชัชชาติ กับ นายโจโก วิโดโด อดีตผู้ว่าฯเมืองจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย ที่ต่อมาได้กลายเป็น…ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย

หรือ นายกาวิน นิวซัม ผู้ว่าฯเมืองแคลิฟอร์เนีย ที่ถูกจับตามอง ในฐานะ “ผู้นำศักยภาพสูง” ของสหรัฐฯ

ทั้ง..นายโจโก วิโดโด และ นายกาวิน นิวซัม เริ่มต้น….จากการบริหารเมืองหลวง สร้างผลงานจริง ก่อนก้าวสู่เวทีระดับชาติ และได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในที่สุด

และ นายชัชชาติ ก็อาจอยู่ในจุดเดียวกันนั้น

เพียงแต่ต้อง…จัดการ “จังหวะทางการเมือง” และ “พันธมิตรทางพรรค” ให้ลงตัวอย่างที่สุดเสียก่อน

หากเขาตัดสินใจ “ลาออก” ในช่วง 4–5 เดือนสุดท้ายของวาระ (21 พฤษภาคม 2568) พร้อมกล่าวประโยคที่ว่า…

“เมื่อทำให้กรุงเทพฯ ดีขึ้นระดับหนึ่งแล้ว ถึงเวลาขยายผลทั้งประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทั้งชาติ”

นี่ก็อาจกลายเป็น…วินาทีที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย

และเป็น “จุดเริ่มต้น” ของยุคใหม่ที่ “ผู้ว่าฯ เมืองหลวง” ที่ไม่ใช่แค่เพียง…ผู้บริหารท้องถิ่นอีกต่อไป!!?? แต่เขาคือ…

“ว่าที่นายกรัฐมนตรีในใจประชาชน” ก่อนถึงวันเลือกตั้งใหญ่ปี 2569 อย่างแท้จริง!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password