‘พูนพงษ์’ ฟิตจัด! กาง 8 ภารกิจเร่งด่วน มุ่งยกระดับภาคธุรกิจ – เติมพลังเศรษฐกิจไทย

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า คนที่ 31 ประกาศเดินหน้าภารกิจเร่งด่วน 8 ด้าน ขับเคลื่อนองค์กรสู่กลไกหลัก ยกระดับธุรกิจไทยให้ทันสมัย เข้มแข็ง แข่งขันได้ในระดับสากล มุ่งพัฒนาบริการดิจิทัล เชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจ เสริมศักยภาพ SME ขยายตลาดออนไลน์ ดูแลผู้ทำบัญชี เอื้อนักลงทุนต่างชาติ พ่วงขจัดธุรกิจผิดกฎหมาย ปรับปรุงกฎระเบียบให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจยุคใหม่

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่มารับตำแหน่ง อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าคนที่ 31 ซึ่งเป็น บ้านอีกหนึ่งหลังที่มีความผูกพันมากว่า 30 ปี และได้มีส่วนสร้างบ้านหลังนี้ให้มีความเข้มแข็ง ในโอกาสที่ตนได้มารับตำแหน่งอธิบดีในครั้งนี้ได้มองเห็นโอกาสหลายด้านในการพัฒนาองค์กรให้เติบโต พร้อมที่จะให้บริการประชาชนและภาคธุรกิจได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการทุกระดับ รวมทั้งมุ่งขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นกลไกหลักในการยกระดับธุรกิจไทยให้ทันสมัย เข้มแข็ง และแข่งขันได้ในระดับสากล”
โดยตนได้วาง ภารกิจเร่งด่วน 8 ด้าน เพื่อยกระดับงานให้บริการและพัฒนาผู้ประกอบการอย่างรอบด้าน ประกอบไปด้วย…
1) การยกระดับบริการดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยขณะนี้กรมฯ มีความพร้อมให้บริการจดทะเบียนและบริการข้อมูลธุรกิจในรูปแบบออนไลน์ 100% แต่เราจะยังไม่หยุดพัฒนารูปแบบการใช้งานและปรับปรุงฟังก์ชันต่างๆ ให้ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น

2) การเชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และเป็นปัจจุบัน เป็นการทำงานหลังบ้านที่จะเชื่อมต่อข้อมูลนิติบุคคลเข้ากับระบบของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของภาคธุรกิจทั้งการเดินทาง ลดการใช้กระดาษ และเพิ่มความเร็วในการดำเนินธุรกิจที่สำคัญเราจะผลักดันให้มีการนำข้อมูลธุรกิจไปวิเคราะห์ต่อยอด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ วิเคราะห์เชิงนโยบาย และป้องกันความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยภาครัฐสามารถกำหนดแนวทางการพัฒนาได้อย่างเหมาะสมและตรงจุด
3) การส่งเสริมศักยภาพ SME ให้ตรงตามความต้องการ โดยเฉพาะ ธุรกิจกลุ่มค้าส่ง-ค้าปลีก ร้านอาหาร สุขภาพและความงาม ธุรกิจครอบครัว และบริการผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ สอดรับกับนโยบายเร่งด่วน ของ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ โดยจะเร่งพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการให้ทันต่อสภาพตลาดในยุคปัจจุบันและบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปส่งเสริม การพัฒนาระบบหลังบ้าน โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการธุรกิจ
4) การเพิ่มรายได้ผู้ประกอบการผ่านการค้าออนไลน์ โดยเพิ่มช่องทางและโอกาสทางการค้าผ่านอีคอมเมิร์ซทั้งไทยและต่างชาติ สร้างโอกาสให้ผู้ค้ารายเล็กได้มีช่องทางการตลาดที่หลากหลายมากขึ้น สามารถสร้างคอนเทนต์ด้วยตัวเองได้อย่างน่าสนใจ ขายสินค้า/บริการผ่านโลกออนไลน์ให้เป็น รวมถึงเราจะขยายความร่วมมือไปยังแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ต่างๆ เพื่อร่วมกันสนับสนุนผู้ประกอบการไทยด้วย
5) ดูแลผู้ทำบัญชีเพื่อส่งเสริมธุรกิจให้มีธรรมาภิบาล เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งภารกิจที่สำคัญ เพราะผู้ทำบัญชี ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลบัญชีให้ห้างหุ้นส่วนและบริษัท การจัดทำบัญชีที่มีมาตรฐานและถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาลจะช่วย ชี้ทิศทางธุรกิจได้อย่างชัดเจน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยเราจะดูแลและอำนวยความสะดวกให้ผู้ทำบัญชี โดยจะส่งเสริมทั้งการอบรมพัฒนามาตรฐานวิชาชีพบัญชี ไปจนถึงสร้างเครื่องมือดิจิทัลด้านบัญชีให้ธุรกิจมีผู้ช่วยออนไลน์ที่ดี
6) อำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติที่ประกอบธุรกิจในไทยอย่างถูกกฎหมาย การลงทุนของนักธุรกิจต่างชาติถือเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากการดึงเม็ดเงินให้เข้ามาลงทุนในประเทศแล้ว ยังมีการถ่ายทอดทักษะเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้กับธุรกิจไทยด้วย เป็นการเพิ่มความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้ผู้ประกอบการไทย ดังนั้น การอำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำด้านกฎหมาย ขั้นตอนการลงทุน ปรับปรุงกระบวนการต่างๆ เพื่อลดขั้นตอนและเพิ่มความรวดเร็วในการออกใบอนุญาตฯ และยกระดับความโปร่งใสในการทำธุรกิจจึงเป็นสิ่งที่เราจะต้องทำควบคู่กันไป
7) การป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด กรมฯ จะบังคับใช้กฎหมายในความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ และบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างระบบธุรกิจที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการไทย พร้อมเดินหน้าป้องกันและปราบปรามธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างเข้มข้น โดยเอาผิดกับการใช้บุคคลต่างชาติแอบอ้างถือหุ้นแทน (นอมินี) บัญชีม้านิติบุคคล และการปลอมแปลงเอกสารนิติบุคคล เป็นต้น
และ 8) การแก้ไข กฎ ระเบียบให้ทันสมัยเอื้อต่อภาคธุรกิจ เพื่อปรับปรุงงานให้บริการที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมธุรกิจยุคใหม่ ลดความซ้ำซ้อนและความยุ่งยากในการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งพัฒนากลไกสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายเพื่อปลดล็อกศักยภาพของประเทศและเพื่อให้กฎหมายธุรกิจของไทยมีความทันสมัย โปร่งใส และแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ”
“ภารกิจเร่งด่วนทั้ง 8 ข้อนี้ ถือเป็นแนวทางสำคัญในการยกระดับการทำงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้ประกอบการและเศรษฐกิจยุคใหม่ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลและการสร้างระบบนิเวศที่เกื้อหนุนผู้ประกอบการไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าพร้อมเดินหน้าภารกิจดังกล่าวทันทีเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีระบบธุรกิจที่ทันสมัย โปร่งใส และแข่งขันได้ในระดับสากล” อธิบดีพูนพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย.