สรรพสามิตขับเคลื่อนต่อ ‘1 ชุมชน 1 สรรพสามิต แชมเปี้ยน’ อัพเกรด ‘สุราชุมชน’ ผ่าน ESG ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก

กรมสรรพสามิต เดินหน้าต่อเนื่องโครงการ “1 ชุมชน 1 สรรพสามิต แชมเปี้ยน” ประจำปี 2568 จัดประกวดปี 2 หวัง “อัพเกรด” ผู้ประกอบการสุราชุมชนทั่วไทย เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันมากขึ้น เผย! ปีนี้เปิดทางคราฟต์เบียร์เข้าร่วมการประกวดครั้งแรก ยกระดับโครงการให้เข้มข้นยิ่งขึ้น ผ่านการผสานแนวคิด ESG เข้ากับกระบวนการพัฒนาและผลิตสุราชุมชน สร้างรากฐานทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและยั่งยืน เช็คเลย! รายชื่อผู้ชนะรางวัลประเภทต่างๆ

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า จากการที่ กรมสรรพสามิตได้ดำเนินการ ปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิต ในปี พ.ศ. 2567 โดยการลดภาษีสุราแช่พื้นบ้าน เช่น อุ กระแช่ และสาโท จาก0เดิมร้อยละ 10 เหลือร้อยละ 0 เพื่อช่วยลดภาระต้นทุนของผู้ผลิตสุราชุมชนและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้ง ยังได้ ผลักดันการแก้ไขกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. 2565 โดย คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่แล้ว เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ เพื่อปรับปรุงกฎหมายให้ง่ายต่อการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการรายใหม่และวิสาหกิจชุมชนมากขึ้น ได้แก่ การผ่อนปรนข้อกำหนดเกี่ยวกับระยะห่างจากแหล่งน้ำให้สามารถตั้งโรงงานใกล้แหล่งน้ำสาธารณะได้โดยต้องมีระบบบำบัดน้ำเสียที่ได้มาตรฐานตามที่กำหนด การเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหม่สามารถยื่นขอใบอนุญาตผลิตสุราขนาดกลางได้โดยไม่ต้องผ่านการเป็นโรงงานระดับเล็กมาก่อน รวมถึง การอนุญาตให้จำหน่ายเบียร์สดแบบถัง (KEG)นอกสถานที่ผลิตได้ ซึ่งมาตรการเหล่านี้เป็นการลดข้อจำกัด ทางกฎหมายและเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ผู้ประกอบการในระดับท้องถิ่น อันสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ในการส่งเสริม Soft Power ของประเทศ

ทั้งนี้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว กรมสรรพสามิต จึงได้ดำเนินการส่งเสริมผู้ประกอบการสุราชุมชนผ่าน โครงการ “1 ชุมชน 1 สรรพสามิต แชมเปี้ยน” ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากปี 2567 ที่ต้องการให้เกิดความร่วมมือระหว่าง สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่และผู้ประกอบการสุราชุมชน ในการพัฒนาสุราชุมชนด้วยแนวคิด ESG
โดยในปี 2568 กรมสรรพสามิตได้เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ประกอบการคราฟต์เบียร์เข้าร่วมการประกวดในโครงการนี้เป็นครั้งแรก ถือเป็นการขยายขอบเขตโครงการให้ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมสุราชุมชนที่มีความหลากหลาย มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคใหม่และเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันได้ในระดับสากล
น.ส.กุลยา กล่าวต่อไปว่า โครงการนี้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก โดยมอบหมายให้สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง คอยสนับสนุนและให้คำปรึกษากับผู้ประกอบการ ในทุกมิติ ตั้งแต่การจัดการสิ่งแวดล้อมในโรงงาน การพัฒนาแรงงานในพื้นที่ การดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของแรงงาน ตลอดจนส่งเสริมด้านธรรมาภิบาล เช่น การจัดทำบัญชีอย่างโปร่งใส การเข้าถึงแหล่งทุน และการตรวจสอบแสตมป์สุราอย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งการประกวดในครั้งนี้ มี ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสุราชุมชน ประเภทสุรากลั่น สุราแช่ และคราฟต์เบียร์ผ่านการคัดเลือกในระดับจังหวัด จำนวน 26 ราย แบ่งเป็นจากภาคเหนือ 4 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 ราย ภาคตะวันออก 2 ราย ภาคตะวันตก 2 ราย ภาคกลาง 7 ราย และภาคใต้ 5 ราย โดยมีผู้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ 15 ราย ได้แก่…
1. ประเภทสุรากลั่นชุมชน จำนวน 5 ราย
1.1 บริษัท เสือเต้น 22 จำกัด จังหวัดแพร่
1.2 บริษัท ที เค กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด จังหวัดนนทบุรี
1.3 บริษัท มหาโอสถ จำกัด จังหวัดนครปฐม
1.4 บริษัท ดิเคน เอ็กซ์ เชนจ์ จำกัด จังหวัดกระบี่
1.5 บริษัท ยอดข้าวสุราทิพย์ จำกัด จังหวัดตรัง
2. ประเภทสุราแช่ชุมชน จำนวน 5 ราย
2.1 วิสาหกิจชุมชนเกษตรกรทฤษฎีใหม่ บ้านไร่รุ้งตะวัน จังหวัดยโสธร
2.2 บริษัท อี.เอช.ไอ.โตไก จำกัด จังหวัดลำพูน
2.3 วิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์แปรรูปบ้านตอไม้แดง จังหวัดกาญจนบุรี
2.4 บริษัท เต็มสิบพลัส จำกัด จังหวัดระนอง
2.5 บริษัท ดื่มได้ดื่มดีย์ จำกัด จังหวัดกรุงเทพมหานคร
3. ประเภทคราฟต์เบียร์ จำนวน 5 ราย
3.1 บริษัท คอลมี ปาป๊า จำกัด จังหวัดนนทบุรี
3.2 บริษัท โรงเบียร์สาลิกาลิ้นทอง จำกัด จังหวัดนครนายก
3.3 บริษัท คราฟต์ โซไซตี้ จำกัด จังหวัดขอนแก่น
3.4 บริษัท นรสิงห์บริวเวอรี่ จำกัด จังหวัดสมุทรสาคร
3.5 บริษัท สหประชาชื่น จำกัด จังหวัดกรุงเทพมหานคร

โดย ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทสุรากลั่นชุมชน ได้แก่ บริษัท มหาโอสถ จำกัด จังหวัดนครปฐม
ประเภทสุราแช่ชุมชน ได้แก่ บริษัท อี.เอช.ไอ.โตไก จำกัด จังหวัดลำพูน
และ ประเภทคราฟต์เบียร์ ได้แก่ บริษัท สหประชาชื่น จำกัด จังหวัดกรุงเทพมหานคร
“โครงการ “1 ชุมชน 1 สรรพสามิต แชมเปี้ยน” ประจำปี 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก ผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐและผู้ประกอบการสุราชุมชนทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นการยกระดับขีดความสามารถการแข่งขัน ควบคู่กับการส่งเสริมการผลิตสุราชุมชนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) อย่างสมดุล พร้อมผลักดันการปรับปรุงกฎหมายและมาตรการด้านภาษีให้เอื้อต่อการเติบโตของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ทั้งยังขยายโอกาสให้คราฟต์เบียร์เข้ามามีบทบาทในเวทีนี้เป็นครั้งแรก สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกรมสรรพสามิตในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสุราชุมชนเติบโตอย่างมั่นคง สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนา Soft Power ของประเทศในระยะยาว” อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวทิ้งท้าย.
