ไทยไม่รอช้า! ขอเอี่ยวโปรเจ็กต์ยักษ์ญี่ปุ่น หลังทุ่มงบ 2.2 ลล. ลงทุนอุตฯใหม่ ‘PCB – AI’ ใน 10 ปีข้างหน้า
“พิชัย นริพทะพันธุ์” แจงหลังพบ “เลขา ครม.ญี่ปุ่น” เผย! เดินหน้าเจรจาขอให้ไทยเป็น “ซัพพลายเชน” การลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ “เซมิคอนดักเตอร์ และ AI” มูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท ของญี่ปุ่นในอีก 10 ปีข้างหน้า ย้ำ! ไทยต้องแสวงหาโอกาสอันดีนี้ให้ทัน ยืนยัน! พร้อมหนุนทุนญี่ปุ่นครองแชมป์การลงทุนอันดับหนึ่งของไทย
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ช่วงที่ตนนำ คณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ เดินทางเยือนกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพบปะและร่วมหารือกับภาคเอกชนรายใหญ่ของญี่ปุ่น โดยได้ชวนมาทำการค้าและการลงทุนในไทย รวมไปถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์ โปรโมตซอฟต์พาวเวอร์ของไทยให้เข้าไปอยู่ในใจคนญี่ปุ่นมากขึ้น โดยได้พูดคุยกับนักลงทุนรายใหญ่กว่า 10 รายอาทิGS Yuasa International, Extrabold Corporation, Hitachi, Scheme Verge, SIIX, Mitsubishi Electric Corporation และ Softbank รวมถึง JETRO, JICA, แบงก์กรุงเทพในญี่ปุ่น สำนักงาน BOI โตเกียว โดยได้ชวนให้มาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้กับนักการเมืองคนสำคัญของญี่ปุ่น อย่าง Mr. HAYASHI Yoshimasa, Chief Cabinet Secretary และ Mr.Taro KONO สส .จังหวัดคานางาวะ อดีตรัฐมนตรีดิจิทัลของญี่ปุ่น โดยทั้งคู่มีโอกาสที่จะก้าวขึ้นเป็น “ผู้นำของญี่ปุ่น” ในอนาคต โดยเฉพาะ Mr. HAYASHI เลขาธิการของคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญมากในทางการเมืองของญี่ปุ่น เนื่องจากทางญี่ปุ่นกำลังมีแผนที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (PCB) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) คิดเป็นมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านเยน (2.2 ล้านล้านบาท) ภายใน 10 ปี ไทยจึงต้องเร่งแสวงหาโอกาสให้ประเทศไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนที่กำลังจะมีเม็ดเงินลงทุนมหาศาลของญี่ปุ่น
ทั้งนี้ จากการหารือกับนักการเมืองคนสำคัญ ทั้งสองคนต่างเห็นความสำคัญของการหารือและให้ค่ากับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ได้พูดคุยกันในเรื่องอุตสาหกรรมใหม่อย่าง PCB เซมิคอนดักเตอร์ และ AI ที่รัฐบาล โดยการนำของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ให้มีความพร้อมและเร่งดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่จากทั่วโลกมาสู่ประเทศไทย เชื่อว่าอนาคตอุตสาหกรรม PCB ที่ผลิตในประเทศไทย จะมีศักยภาพทั้งเรื่องของราคา ปริมาณ และคุณภาพ สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก
“โดยในการหารือทางญี่ปุ่น พวกเขาได้มองเห็นศักยภาพและให้คุณค่ากับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ที่ดีระหว่างกันมาโดยตลอด และรับปากที่จะให้ไทยมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชน ซึ่งผมได้บอกว่า รัฐบาล และกระทรวงพาณิชย์ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนการลงทุนของญี่ปุ่นอย่างเต็มที่ เพื่อให้ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนอันดับหนึ่งของไทยต่อไป แม้จะมีบางช่วงที่การลงทุนหดหายไป แต่หลังจากที่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งการลงทุนจากญี่ปุ่นก็ฟื้นกลับมา เป็นโอกาสที่ดีของไทยที่จะเร่งปรับตัวคว้าทุกโอกาส เพื่อทำรายได้เข้าประเทศให้คนไทย” รมว.พาณิชย์ ระบุ.