พาณิชย์ถกเอกชน! เคาะตัวเลขส่งออกไทยปี’68 โต 2-3% ผ่านขับเคลื่อน 10 นโยบายสำคัญ
“รมว.พาณิชย์” นัดภาครัฐและเอกชน ร่วมประเมินภาพรวมส่งออกไทยปีนี้และปี 2568 ภายใต้ปัจจัยกระทบหลายด้าน เชื่อปี 2567 มีโอกาสโตทะลุ 5% เหตุคุยจบเอฟทีเอ “ไทย-เอฟตา” พร้อมเดินหน้าเพิ่มทั้งอียูและอังกฤษ ส่วนปีหน้าตั้งเป้าเบาะๆ โต 2-3% หรือกว่า 10 ล้านล้านบาท มั่นใจเจรจา “ทีมรัฐบาลทรัมป์ 2.0” ย้ำ! ไทยคือฐานผลิตสินค้าให้สหรัฐฯ พร้อมวางแนวทางขับเคลื่อน 10 นโยบายหนุนส่งออกปีหน้า พ่วงเปิดช่องเอกชนเจรจาทุก 3 เดือน
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 18 ธันวาคม 2567 ณ ห้องมโนปกรณ์นิติธาดา ชั้น 12 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน ร่วมแถลงภายหลังการประชุมเป้าทำงานในการผลักดันการส่งออกปี 2568 ของกระทรวงพาณิชย์ ตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการให้ภาครัฐเร่งทำงานเชิงรุกร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อให้การส่งออกไทยขยายตัว ทำเงินเข้าประเทศ และปรับตัวคว้าทุกโอกาสการค้า เพื่อคนไทย ในทุกวิกฤตที่อาจเกิดขึ้น ซึ่ง นายพิชัยได้ให้ตัวแทนทูตพาณิชย์ใน 7 ภูมิภาค นำเสนอแผนผลักดันการส่งออกผ่านระบบ zoom และรับฟังข้อคิดเห็นจากภาคเอกชนด้วย
ทั้งนี้ ภาคเอกชนชื่นชมที่กระทรวงพาณิชย์สามารถเจรจา FTA ไทย-เอฟตาจบลงได้ จะทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าต่อไป และในอนาคตจะเร่งเจรจา FTA กับอียู และอังกฤษ ให้มีเขตการค้าเสรีหรือ FTA เกิดขึ้นให้มากที่สุด โดยในปีนี้คาดว่า โอกาสที่การส่งออกจะทะลุร้อยละ 5 มีสูง และอาจจะทะลุ 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่า 10 ล้านล้านบาท แต่ยังมีปัจจจัยกระทบหลายด้าน จึงยังไม่สามารถกำหนดตัวเลขการส่งออกไว้ว่าจะเติบโตได้มากกว่าร้อยละ 5 แต่ได้คาดการณ์เบื้องต้นตัวเลขการส่งออกปี 2568 ไว้น่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 2-3 ก่อน หากเติบโตร้อยละ 2 จะมีมูลค่ากว่า 305,315.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินบาท 10,380,695 ล้านล้านบาท แต่หากเติบโตร้อยละ 3 จะมีมูลค่ากว่า 308,307.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทกว่า 10,482,466 ล้านล้านบาท ถือว่าเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ เพื่อให้เป้าหมายการส่งออกของไทยเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จึงได้กำหนด 10 นโยบายที่จะขับเคลื่อนในปี 2568 ดังนี้…
1.จะร่วมกันผลักดันการส่งออก ปีหน้า ให้เติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 2-3 เนื่องจากขณะนี้นี้มีหลายอุตสาหกรรมสนใจเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น
2.ข้อกังวลในประเด็นสหรัฐฯจะขึ้นภาษีที่จะกระทบต่อการค้าและการลงทุน นั้น ตอนนี้กระทรวงพาณิชย์กำลังเร่งเจรจา ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ตนจะมีโอกาสพบกับผู้บริหารชุดใหม่ของสหรัฐอเมริกา โดยจะไปอธิบายว่าประเทศไทยไม่ควรโดนภาษีเพิ่มเพราะไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าให้สหรัฐอเมริกา
3.สัญญาณเศรษฐกิจไทย เริ่มกลับมาเป็นบวกต่อเนื่อง ดังนั้น จึงเชื่อว่าทุกวิกฤติเป็นโอกาสสำหรับประเทศไทย และในวันพรุ่งนี้ตนจะเดินทางไปที่ญี่ปุ่นจะพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น หรือ METI และพบกับภาคเอกชนจะเชิญชวนให้มาลงทุนในไทย
4.ไทยพร้อมทำ FTA กับทุกประเทศ เพื่อเร่งขยายการค้า ทำเงินเข้าประเทศ
5.พร้อมเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมใหม่ เศรษฐกิจไทยต้องโตอย่างต่ำ 5% ไปอีกปี 20 ปี ถึงจะหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ต้องพร้อมเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ทั้งเซมิคอนดักเตอร์และดาต้าเซ็นเตอร์
6.รีแบรนด์ Thai SELECT ให้เข้าใจง่าย คล้ายมิชลินสตาร์ และโปรโมทส่งออกสินค้าระดับ Think Thailand NEXT LEVEL ไม่ขายวัตถุดิบอย่างเดียว แต่จะขายสินค้าสำเร็จรูปที่มีมูลค่าสูงให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
7.สร้าง Thailand Brand การันตีสร้างความมั่นใจให้ผู้ซื้อ และร่วมมือกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สนับสนุนผู้ประกอบการ SME
8.ดึงดูดคนทั่วโลกด้วยซอฟต์พาวเวอร์ ใช้เสน่ห์ของไทย ทำให้มีจุดขาย
9.ทูตพาณิชย์ต้องมองโอกาสใหม่ๆ ร่วมมือกับพาณิชย์จังหวัด ช่วยส่งเสริมธุรกิจของไทยผู้ประกอบการไทย
และ10.กระทรวงพาณิชย์ ยุค 80:20 โดย 80% สนับสนุนภาคเอกชนส่งเสริมให้การค้าขายของเราให้เจริญรุ่งเรืองและอีก 20% ทำหน้าที่ควบคุมกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้การเกิดค้าขายที่เป็นธรรม มีมาตรฐาน
“ขอให้มั่นใจว่า กระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชนมีความร่วมมือที่ดีกันมาโดยตลอด ทางเอกชนเสนอว่าควรมีการประชุมกันอย่างต่อเนื่อง เช่น ทุก 3 เดือน หรือถ้าฉุกเฉินก็สามารถคุยกันได้ทันทีเพื่อเร่งส่งเสริมเศรษฐกิจไทยเติบโต เพราะเศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนด้วยเอกชน กระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่ส่งเสริมให้เอกชนทำให้การค้าการขายคล่องขึ้นส่งของได้มากขึ้น” รมว.พาณิชย์ กล่าว
ด้านตัวแทนภาคเอกชน ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าฯขอชื่นชมท่านนายกรัฐมนตรีและกระทรวงพาณิชย์ในการขับเคลื่อนอย่างเข้มข้น ทำให้ปีนี้การส่งออกไทยโตขึ้นถึงร้อยละ 5 มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และในปีหน้าคาดว่าจะเติบโตต่อได้อีก ซึ่งอุปสรรคทั้งหลายที่เกิดขึ้นในวันนี้เชื่อว่าจะมีโอกาสให้กับไทยในหลายเรื่อง ทางกระทรวงพาณิชย์ทำงานร่วมกับภาคเอกชนให้ขับเคลื่อนการส่งออกของเศรษฐกิจไทย ถ้าไม่มีเซอร์ไพรส์อะไรมากน่าจะไม่มีปัญหา
นายอรุณ เอี่ยมสุรีย์ กรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันนี้ได้หารือกันกับกระทรวงพาณิชย์เกือบทุกเรื่อง มีการวางแผนป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งตัวเลขการส่งออกสูงเป็นประวัติการณ์ และแผนงานด้าน FTA มีความคืบหน้าและมีเป้าหมายที่จะขยายเพิ่มเติม เป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับประเทศ
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกในปีนี้ถือเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประเทศสูงที่สุดในประวัติการณ์มากกว่า 10 ล้านล้านบาท มาจากการทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อระหว่างภาครัฐกับเอกชน และท่านรัฐมนตรีมีนโยบายที่ชัดเจนในการทำงานร่วมกับเอกชนทั้งการผลักดัน FTA และการแก้ไขอุปสรรคทางการค้าอย่างจริงจังและรวดเร็ว โดยในปีหน้าเราต้องทันเหตุการณ์และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เร่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมฯวันนี้ ยังมี นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายอรุณ เอี่ยมสุรีย์ กรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ทูตพาณิชย์ทั่วโลก และพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เข้าร่วมด้วย
สำหรับ สถานการณ์การส่งออก 10 เดือนแรก ปี 2567 ของไทย ตั้งแต่เดือน มกราคม – ตุลาคม 2567 มีมูลค่า 250,398 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 4.9%.