‘นายกฯ’ นำคิกออฟ ‘ฟื้นฟูเศรษฐกิจ’ หวังลดต้นทุนผู้ค้ารายเล็ก – ลดค่าครองชีพคนไทย 5 ด.เต็ม เชื่อ! มีเงินหมุนในระบบ 1.45 แสนล.

“นายกฯแพทองธาร ชินวัตร” นำทีม ครม. ข้าราชการประจำ และบิ๊กภาคเอกชน ร่วม “คิกออฟ” เปิดตัวแคมเปญ “ฟื้นฟูเศรษฐกิจ” ทั่วไทย พร้อมดึง “รายใหญ่” ช่วย “รายเล็ก” ลดต้นทุนผู้ค้า ลดค่าครองชีพประชาชน ตลอด 5 เดือนเต็ม คาดจะมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไปแล้วกว่า 145,000 ล้านบาท

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 ตุลาคม 2567 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล, นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ข้าราชการประจำ ตัวแทนผู้บริหารระดับสูงจากภาคเอกชน ร่วมกันแถลงข่าว พิธีเปิด “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” บูรณาการหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนรายใหญ่ กว่า 130 ราย ช่วยลดรายจ่ายให้ผู้ประกอบการรายเล็ก และลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้แก่ประชาชน ต่อเนื่องตลอด 5 เดือนเต็ม

นางสาวแพทองธาร กล่าวในฐานะประธานในพิธีเปิดฯ ว่า มุ่งมั่นที่จะบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ โดยเฉพาะ โครงการ “เงินหมื่น ฟื้นเศรษฐกิจ” ที่ได้เติมเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไปแล้วกว่า 145,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสร้างพายุหมุนเศรษฐกิจลูกใหญ่ เป็นการต่อลมหายใจและเพิ่มกำลังซื้อให้กับพี่น้องประชาชน รายเล็กที่กำลังเดือดร้อน ทำให้หลายคนได้ตั้งตัวใหม่จากโครงการนี้

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการต่อยอดมาตรการดังกล่าว และกระจายเม็ดเงินไปสู่ทุกภาคส่วนของประเทศ รัฐบาลจึงมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เร่งเดินหน้า “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ” ต่อเนื่องทันที เพื่อช่วยเหลือประชาชนในทุกมิติ ทั้งด้านการดำรงชีวิตและการประกอบธุรกิจ โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งรัฐและเอกชน ลดต้นทุนทางธุรกิจและเพิ่มช่องทางค้าขายให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก อาทิ การลดค่าเช่าร้านค้า ค่าเช่าแผงตลาด ค่าขนส่งไปรษณีย์ การสนับสนุนพื้นที่จำหน่ายสินค้าบริเวณศาลากลางจังหวัด นิคมอุตสาหกรรม สถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น

รวมทั้งจับมือกับผู้ผลิตผู้ค้าส่งรายใหญ่ จัดโปรโมชันสินค้าอุปโภคบริโภคราคาพิเศษผ่านร้านค้าธงฟ้า ร้านค้าชุมชน และห้างท้องถิ่นกว่า 140,000 ร้านค้า และจัดมหกรรมลดราคาสินค้าในห้างค้าปลีก-ค้าส่ง ลดกระหน่ำทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนได้มากกว่า 110,000 ล้านบาท

ด้าน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า วันนี้…การฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นแนวทางของ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ที่อยากเห็นเศรษฐกิจไทยฟื้น จึงขอขอบคุณผู้ประกอบการรายใหญ่ในการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ด้อยโอกาสและที่ยังลำบาก รัฐบาลจะดูแลทุกภาคส่วน ที่ผ่านมามีการลงทุนใหญ่ๆ เข้ามาเยอะ ปีที่แล้วมี PCB (แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์) เข้ามาถึง 150,000 ล้านบาท ปีนี้มีศูนย์ข้อมูล หรือ Data Center เข้ามาแล้วถึง 160,000 ล้านบาท ยังไม่รวม Google อีก 30,000 ล้านบาท และ UAE อีก 30,000 ล้านบาท รวมเป็นกว่า 200,000 ล้านบาท และมี เรื่อง Food Security (ความมั่นคงทางอาหาร) กับประเทศต่างๆ ซึ่งการขับเคลื่อนเป็นไปได้ดี การที่ท่านนายกฯไปเยือนทั้งกาตาร์และลาว ได้หารือทวิภาคีกับหลายประเทศ ซึ่งทุกประเทศให้ความสนใจ ไทยกำลังเป็นประเทศที่รุ่ง มีสัญญาณการลงทุนต่างๆเข้ามา และเราก็ต้องดูแลประชาชนที่กำลังลำบาก ขอขอบคุณผู้ประกอบการทั้งหลายที่มาดูแลประชาชน ขายสินค้าให้ในราคาถูก และในประเทศจะมีโครงการอื่นๆเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ได้นำร่องกิจกรรมภายใต้โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ต่างๆไปแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา อาทิ ตลาดพาณิชย์ทั่วประเทศ เทศกาลกินเจ งาน International Live Commerce Expo 2024 เป็นต้น สำหรับ เป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากกว่า 110,000 ล้านบาท คาดการณ์มาจากกิจกรรมฟื้นฟูเศรษฐกิจ 3 ส่วนหลักๆ ด้วยกัน

ส่วนแรกประมาณ 78,700 ล้านบาท มาจากการกระตุ้นการใช้จ่ายของกลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงินไปคนละ 10,000 บาท คาดว่ากลุ่มนี้จะนำเงินมาซื้อของที่จัดโปรโมชันลดราคา ภายใต้โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจประมาณ 54.1% ของเงินที่ได้รับไป โดยสัดส่วนนี้คิดมาจากข้อมูลของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่ระบุว่า “ครัวเรือนรายได้ต่ำ จะนำเงินมาซื้ออาหารเครื่องดื่ม เครื่องใช้ภายในบ้าน และเครื่องแต่งกายคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 54.1% ของรายได้”

ส่วนที่สองประมาณ 18,700 ล้านบาท มาจากการลดต้นทุนทางธุรกิจและสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก รวมทั้งการจัดกิจกรรมกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจของกระทรวงพาณิชย์ อาทิ International Live Commerce Expo 2024 เทศกาลกินเจ เทศกาลลอยกระทง เทศกาลปีใหม่ ธงฟ้า และตลาดพาณิชย์ทั่วประเทศ เป็นต้น

ขณะที่ ส่วนที่สาม เป็นการจัดมหกรรมลดราคาสินค้าของห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก-ค้าส่ง และการที่ผู้ผลิตรายใหญ่ลดราคาเพื่อช่วยลดค่าครองชีพและกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกประมาณ 14,400 ล้านบาท

“คาดว่าเมื่อจบโครงการ จะสามารถกระตุ้นเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจได้ตามเป้า เป็นการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มในทุกมิติและ ช่วยให้เศรษฐกิจไทยกลับมาคึกคักได้อีกครั้งรมว.พาณิชย์ ระบุ.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password