‘นายกฯอิ๊ง’ ชวนต่างชาติลงทุนในไทย ประกาศพร้อมเป็นแหล่งความมั่นคงด้านอาหารให้ทั่วโลก
“นายกฯแพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที ACD ย้ำ! บทบาทไทยในเวทีนี้ มุ่งเน้นสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาค ส่งเสริมสันติภาพ หนุนสร้าง “ศตวรรษแห่งเอเชีย” เพราะเป็นทั้ง “แหล่งพลังงาน” และ “ครัวของโลก” พร้อมเชิญชวนนักลงทุนทั่วโลกเข้าไทย เหตุมีโครงสร้างความพร้อมสูง เผย! ไทยพร้อมเป็นแหล่งสำรองความมั่นคงด้านอาหารให้กับนานาชาติ
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ระหว่างเข้าร่วม ประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue: ACD) ครั้งที่ 3 ณ โรงแรม Ritz-Carlton Doha กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 ท่ามกลางผู้นำประเทศสมาชิก 35 ประเทศ ภายใต้หัวข้อ “การทูตผ่านกีฬา” (Sports Diplomacy) โดยชี้ให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของการใช้การกีฬาที่สามารถเชื่อมความแตกต่างและเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของโลก โดยมีตัวอย่างความสำเร็จจากการเป็น เจ้าภาพฟุตบอลโลกของกาตาร์ เมื่อปี 2022 และแนวคิดนี้สอดคล้องกับจุดยืนของประเทศไทยที่จะะส่งเสริมสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิก
ส่วนในประเด็น สถานการณ์ความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นในภูมิภาค ประเทศไทยมีความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายลง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์ และด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับประชาคมระหว่างประเทศ ไทยขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งใช้ความระมัดระวังอย่างที่สุด และขอให้ยุติการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ทั้งหมดโดยทันที เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน และปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติ
นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงบทบาทสำคัญของ ACD ท่ามกลางสถานการณ์โลกปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนและต้องการการแก้ไข เช่น ความขัดแย้งทางการเมือง การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ในฐานะ “ผู้นำของประเทศไทย” ซึ่งมีหน้าที่นำพาและสร้างความร่วมมือเพื่อเสถียรภาพและการเติบโตของประเทศ และในภูมิภาคอาเซียน ขณะเดียวกัน ศตวรรษที่ 21 นี้ได้ถูกกล่าวขานว่าเป็น “ศตวรรษแห่งเอเชีย” และเอเชียมีประชาชนกว่าร้อยละ 60 ของประชากรโลก อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางสำคัญทั้งด้านเศรษฐกิจ พลังงาน และความมั่นคงทางอาหารของโลก เปรียบเสมือน “แหล่งพลังงาน” และ “ครัวของโลก“
สำหรับประเทศไทย เรามีจุดแข็งด้านการเกษตรและอาหาร ซึ่งสำคัญต่อเศรษฐกิจและการตอบสนอง ต่อความต้องการอาหารทั่วโลก และประเทศไทยเห็นว่าการประชุมในครั้งนี้ สมาชิก ACD จะได้ร่วมมือกันเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายทางการค้า และปรับมาตรฐานให้สอดคล้องกัน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในห่วงโซ่อุปทานอาหารโลก โดยประเทศไทยอยู่ในภูมิศาสตร์ที่สำคัญ สามารถเป็นประตูสู่การเชื่อมต่อในโลกตะวันออก กับโลกตะวันตกได้เป็นอย่างดี รัฐบาลไทยจึงได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการคมนาคมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาการขนส่งทางบก การขนส่งทางราง และทางน้ำให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และยังพร้อมเพิ่มสนามบินใหม่ๆและพัฒนาศักยภาพสนามบินที่มีอยู่เพื่อรองรับทั้งผู้โดยสาร และการขนส่งสินค้าต่างๆ ทั้งนี้ประเทศไทยขอเชิญชวน ประเทศสมาชิก ACD มาร่วมกันพัฒนาเส้นทางการค้าใหม่ ๆ เพื่อเชื่อมต่อและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วทั้งเอเชียในฐานะที่เอเชียเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจโลก
ปัจจุบัน บทบาทของ ACD มีความสำคัญมากขึ้น โดยเป็นกรอบความร่วมมือระดับทวีปแห่งแรกและแห่งเดียวของเอเชีย ซึ่งรวมภูมิภาคต่าง ๆ ที่หลากหลายเข้าด้วยกัน นายกรัฐมนตรีมุ่งหวังที่จะสานต่อแนวคิดนี้ในการดำรงตำแหน่งประธาน ACD ในวันที่ 1 มกราคม 2568 นี้โดยเล็งเห็นว่า ACD จะเป็น “เวทีหารือของเอเชีย” (converging forum of Asia) และเน้นย้ำว่า ไทยในฐานะผู้เป็นสะพานเชื่อม ACD มุ่งหวังที่จะทำงานร่วมกับทุกประเทศสมาชิก เพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ทั้งนี้ ในการเป็นประธาน ACD ของไทยในต้นปีหน้านี้ ประเทศไทยจะขับเคลื่อการทำงานภายใต้การขับเคลื่อนในกรอบ 6 เสาความร่วมมือ (pillar of cooperation ) กันอย่างมียุทธศาสตร์ ผนวกกับความร่วมมือของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาอื่น ได้แก่ ASEAN GCC (Gulf Cooperation Council: GCC) BRICS CICA และ SCO เพื่อร่วมกันสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจโลก
นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึง ความสำคัญของการทบทวน สถาปัตยกรรมทางการเงิน โดยบทเรียนจากประสบการณ์ในอดีตจากวิกฤตการเงิน ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการมีระบบการเงินที่มีความสมดุลและยืดหยุ่น ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะสร้าง “สถาปัตยกรรมการเงินที่สมดุล” ที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งภายใต้การเป็นประธาน ACD ในปีหน้า ประเทศไทยจะจัดการประชุมเพื่อพิจารณาการพัฒนาสถาปัตยกรรมทางการเงิน
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณรัฐกาตาร์ที่เป็นเจ้าภาพการประชุม และสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านในการทำหน้าที่อย่างแข็งขันในฐานะประธานการประชุมปีนี้ พร้อมแสดงความยินดีที่ได้ร่วมงานกับเลขาธิการ ACD คนใหม่ โดยการประชุมนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของ ACD ที่พร้อมร่วมมือกัน มากกว่าการแข่งขันและความขัดแย้ง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศของสมาชิก ACD และยกระดับชีวิตประชาชนหลายล้านคน นำไปสู่การฟื้นตัวอย่างเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า ในฐานะที่ประเทศไทยจะเป็นประธานในปีหน้า ไทยมุ่งมั่นที่จะผลักดันวาระของ ACD เพื่อสร้างเอเชียที่แข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น พร้อมกับเน้นความร่วมมือเพื่อทำให้ศตวรรษนี้เป็น “ศตวรรษแห่งเอเชีย” อย่างแท้จริง โดยมี ACD เป็น “เวทีหารือแห่งเอเชีย”(Forum of Asia) ที่พร้อมจะร่วมกันผลักดัน “วาระของเอเชีย” (Asia’s agenda) ต่อไปให้ก้าวหน้า เพื่อการพัฒนาที่สำคัญของประเทศสมาชิกต่อไป
อนึ่ง กรอบ ACD มีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อน 6 เสาความร่วมมือ (pillar of cooperation) ได้แก่ (1) ตุรกีและรัสเซีย เป็นประธานร่วมคณะทำงานด้านความเชื่อมโยง (2) อินเดียเป็นประธานคณะทำงานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (3) อิหร่านเป็นประธานคณะทำงานด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (4) จีนเป็นประธานคณะทำงานด้านความเชื่อมโยงระหว่างความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน และน้ำ (5) อิหร่านเป็นประธานคณะทำงานด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว (6) ไทยเป็นประธานคณะทำงานด้านการส่งเสริมแนวทางไปสู่การพัฒนาอย่างทั่วถึงและยั่งยืน โดยประธานของแต่ละคณะทำงานมีภารกิจในการจัดประชุมเพื่อหารือ และจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือโดยประธานคณะทำงานดังกล่าวมีวาระ 1 ปี และต้องสรรหาใหม่ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนประธาน ACD ทั้งนี้ ประเทศสมาชิก ACD อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดตั้งเสาความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เข้าเฝ้าฯ เชค เศาะบาฮ์ อัลคอลิด อัลฮะมัด อัลมุบาร็อก อัศเศาะบาฮ์ (His Highness Sheikh Sabah Khaled Al-Hamad Al-Sabah) มกุฎราชกุมารและรองเจ้าผู้ครองรัฐคูเวต โดยมกุฎราชกุมารฯ ยินดีที่ได้พบนายกรัฐมนตรี พร้อมได้ฝากความปรารถนาดีไปถึงพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งคูเวตมีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันแล้ว 61 ปี รวมทั้งยังมีโอกาสและช่องทางที่จะขยายความร่วมมือได้มากขึ้น อีกทั้ง นักท่องเที่ยวคูเวตต่างชื่นชอบประเทศไทย และมีความสนใจในการเดินทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย พร้อมกันนี้ได้กล่าวว่า คูเวตมีความต้องการแรงงานฝีมือจากไทยเพื่อมาช่วยพัฒนาประเทศ
นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า ความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายในด้านสาธารณสุขจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันอย่างเข้มแข็ง พร้อมกันนี้ได้กล่าวว่าไทยพร้อมที่จะเป็น Food Stocks ให้ประเทศคูเวต เพื่อช่วยให้คูเวตต่อสู้กับความท้าทายด้าน Food security
โดยในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้นักลงทุนคูเวตร่วมลงทุนในประเทศไทย และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะมีโอกาสแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง โดยฝ่ายคูเวตได้กล่าวขอบคุณประเทศไทยที่มีบทบาททำให้เกิดความร่วมมือของประเทศในเอเชีย 35 ประเทศ ภายใต้ความร่วมมือ ACD ซึ่งในนามประธาน ACD ในปีหน้า นายกรัฐมนตรีพร้อมที่จะกระชับความร่วมมือนี้ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ในเวลาต่อมา ได้เข้าหารือทวิภาคีกับ นายเอมอมาลี เราะห์มาน (H.E. Mr. Emomali Rahmon) ประธานาธิบดีเเห่งสาธารณรัฐทาจิกิสถาน โดยประธานาธิบดีระบุว่า ตนชื่นชอบประเทศไทยเป็นการส่วนตัว เคยเดินทางมาท่องเที่ยวทะเลที่ภาคใต้ของไทย เพราะเป็นประเทศที่สวยงาม มี Landscape ที่สวยงาม มีอาหาร ผลไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารซีฟู้ด เนื่องจากทาจิกิสถานไม่มีทางออกทะเล รวมทั้งมีผู้คนที่น่าประทับใจ ทำให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ชื่นชอบที่สุด ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้เชิญให้ประธานาธิบดีทาจิกิสถานเดินทางเยือนไทยในเร็ววันนี้.