“อดิศร” ลั่น พท.ไม่ใช่สาขา “ก้าวไกล” ยก ปธ.สภาให้ไม่ได้ ไม่อยากเห็นพระบวชใหม่เป็นเจ้าอาวาส
เพื่อไทย จัดสัมมนาสมาชิกพรรค ‘อดิศร เพียงเกษ-ภูมิธรรม เวชยชัย’ ทักทายกัน ชื่นมื่น ยันยังไม่เคาะตำแหน่งประธานสภา ขณะที่ ‘อดิศร’ ลั่นไม่ยอมพระบวชใหม่เป็นเจ้าอาวาส บอก ‘เพื่อไทย’ ไม่ใช่สาขา ‘ก้าวไกล’
วันที่ 21 มิ.ย.2566 เวลา 09.30 น.ที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ การจัดสัมมนา ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นไปอย่างคึกคักท่ามกลางการจับตาของสื่อมวลชนว่าจะมีการถกเถียงกันเรื่อง ตำแหน่งประธานสภา หลังมีกระแสข่าวไลน์หลุด ส.ส.พรรค พท.แสดงความไม่พอใจแกนนำพรรคที่ออกมาระบุจะยึดหลักการให้พรรคอันดับหนึ่งได้ตำแหน่งประธานสภา และพรรคอันดับสองได้ตำแหน่งรองประธานสภา 2 เก้าอี้ โดยผู้แสดงตัวชัดเจนคือ นายอดิศร เพียงเกษ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ก่อนการสัมมนา นายอดิศรได้ทักทายกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จับมือพูดจากันด้วยดี พร้อมพูดกับสื่อที่ยืนอยู่ว่า “สนิทกันดี เคยทำงานกระทรวงเดียวกัน ตอนอยู่ป่าก็อยู่ด้วยกัน” โดยนายอดิศรกล่าวว่า “สิ่งที่แสดงความคิดเห็นไปเพื่อพรรคทั้งนั้น” ขณะที่นายภูมิธรรมกล่าวว่า “มีอะไรก็ขอให้พูดคุยกัน วันนี้ก็เบาๆ หน่อยนะ”
จากนั้นเวลา 10.00 น. พรรคเพื่อไทยเปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้แสดงความคิดเห็นภายใต้หัวข้อ “เพื่อไทยเปิดใจ เพื่ออนาคตไทย” โดย นายภูมิธรรม กล่าวเปิดใจถึงกระบวนการทำงานในการเป็นตัวแทนพรรคไปทำหน้าที่เป็นผู้เจรจาในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า ที่ผ่านมาพวกตนได้ดำเนินการตามที่คณะกรรมการบริหารพรรคมอบหมาย การพูดคุยกับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ก็ได้เสนอไปว่าแต่ละพรรคได้ ส.ส.ใกล้เคียงกัน ควรได้ตำแหน่งรัฐมนตรีพรรคละ 14 คน
นายภูมิธรรมกล่าวว่า พรรค ก.ก.ได้ ส.ส.มาที่หนึ่งก็ควรได้ประมุขฝ่ายบริหาร และพรรค พท.ควรได้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ แต่เรื่องตำแหน่งประธานสภายังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ยังรอคำตอบจากทางพรรค ก.ก. แต่การให้ข่าวของตนและเลขาธิการพรรคอาจจะทำให้สมาชิกพรรคเกิดความไม่สบายใจ หรือความไม่พอใจ เรื่องการยึดหลักการพรรคอันดับหนึ่ง วันนี้จึงเปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้แสดงความเห็นได้เต็มที่
จากนั้น นายอดิศร เป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็นว่า “เรื่องประธานสภาผมไม่เห็นด้วยที่เรามี 141 เสียง เขามี 151 เสียง แต่เราไปยอมเขาทุกเรื่อง พรรคก้าวไกลเขาควรได้เป็นฝ่ายบริหาร แต่จะหาวเอาเดือนเอาดาว เอาประธานสภาไปด้วย ผมว่ามันจะง่ายเกินไปหน่อย ไม่เห็นเพื่อนฝูงอยู่ในสายตา”
“ผมตรงไปตรงมา ผมสู้ให้พรรคเพื่อไทยยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ลูกน้องของพรรคการเมืองใด ผมเห็นใจในการเจรจา ไม่ทราบว่าเจรจาอย่างไร ถ้าเขาได้นายกรัฐมนตรี เราได้ประธานสภามันจะสง่างาม และจะได้ถ่วงดุลการทำงานด้วยกัน ถึงอย่างไรเราก็ไม่สามารถให้ประธานสภากับพรรคก้าวไกลได้ เมื่อเกิดความขัดแย้งก็โหวตกันในสภา”
“ผมยืนยันว่าศักยภาพของเรา เรามีบุคลากรที่เหมาะสม ผมไม่อยากเห็นพระบวชใหม่มาเป็นเจ้าอาวาส เรามีบุคลากรเยอะ อย่าไปยอมให้เขาง่าย เราอย่าไปห่วงความรู้สึกเขา คุณจะเป็นพรรคก้าวไกล หรือพรรคเพื่อไทย เรื่องประธานสภาถึงอย่างไรผมคิดว่าต้องเป็นของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้รัฐบาลผสมเดินทางไปสู่การแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม”
“ผมคนหนึ่งไม่รู้จะงดออกเสียงหรือไม่ เพราะไม่สามารถยกมือให้พระบวชใหม่ได้ พรรคเพื่อไทยไม่ใช่สาขาของพรรคก้าวไกล เราเหนื่อยยาก เพราะต้องสู้กับพรรคก้าวไกล ฉะนั้น การทำงานในทางการเมืองอย่าอ่อน-แข็ง ต้องแข็ง พรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์มา 22 ปี เราต้องสรุปบทเรียน และพรรคเพื่อไทยจะกลับมายิ่งใหญ่กว่าทุกพรรคในประเทศนี้” นายอดิศรกล่าว