ประชาธิปัตย์ พร้อมดัน “หาดใหญ่” เป็นศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศในภูมิภาค
ทีมเศรษฐกิจ ปชป. ผนึกกำลัง พร้อมดัน “หาดใหญ่” เป็นศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน เช่นเดียวกับ สิงคโปร์ ตั้งเป้าให้เป็น Hatyai International Financial Center
ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าว “แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจปลายด้ามขวานไทย” นำโดย ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตรมช.กระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯกทม. ผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมขนส่งโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการขนาดใหญ่ และ ม.ร.ว. ศศิพฤนท์ จันทรทัต อดีตซีอีโอ บล. กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีนายนิพัฒน์ อุดมอักษร ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมด้วย ณ โรงแรมคริสตัล หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตรมช.กระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ทุกนโยบายเน้นยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ “สร้างเงิน สร้างงาน สร้างชาติ” ซึ่งออกแบบนโยบายมาด้วยความพิถีพิถัน เป็นพรรคเดียวที่หาเงินมาใช้ในนโยบายโดยไม่ก่อหนี้สาธารณะ หรือพึ่งพาแต่งบประมาณแผ่นดินเหมือนพรรคอื่นๆ แต่อาศัยการบริหารเงินนอกงบประมาณที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์
สำหรับนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์จะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของภาคใต้ใหม่ โดยเฉพาะการสร้าง Growth Pole ใหม่ของเมืองหาดใหญ่ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ของภาคใต้ ด้วยการผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการเงินนานาชาติในภูมิภาค เพิ่มเติมจากดึงดูดนักท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งการผลิตเพื่อการส่งสินค้าออกไปต่างประเทศ
หากหาดใหญ่ได้เป็นแหล่งเงินทุนใหม่ๆ ย่อมจะเป็นผลดีต่อ SME และ Startups ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาและจังหวัดอื่นๆ ที่จะสามารถเข้าถึงทุนและสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ในต้นทุนกู้ยืมต่ำลงและธุรกิจจะได้รับการยกระดับเป็นนานาชาติ เกิดการพัฒนาและขับเคลื่อนให้เป็นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลเป็นลูกโซ่ต่อการเติบโตของจังหวัดสำคัญในภาคใต้ และประเทศโดยรวม และต่อภาคเศรษฐกิจอื่น เช่น การค้าข้ามชายแดนของภาคใต้ กับประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย การขนส่ง การท่องเที่ยว การผลิต ตลอดจนการว่าจ้างแรงงาน
“ธุรกิจการเงินเป็นงานที่มีมูลค่าที่สูงมากโดยเฉพาะในยุคดิจิทัล (Digital Economy) ดูตัวอย่างประเทศสิงคโปร์ที่แม้ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติใดๆ แต่สามารถพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ซึ่งเขาไปไกลมากแล้วจนเป็นศูนย์กลางการเงินของโลก ซึ่งอาจจะแพงไป อาจจะต้องการคุ้มครองธุรกิจการเงินเดิมๆ มากกว่าจะเปิดทางให้ธุรกิจใหม่ๆสำหรับstartups ที่จะเริ่มต้น เพราะฉะนั้นเรา โอกาสจึงเป็นของเมืองหาดใหญ่ถึงเวลาแล้วที่จะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินเช่นกัน เพื่อให้ทุนจากประเทศจีน อินเดีย อาหรับ รวมถึงอาเซียนนำเงินเข้ามาพัก เข้ามาลงทุนและใช้เป็นศูนย์กลางการดำเนินธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศได้ เนื่องจากหาดใหญ่เป็นเมืองที่มีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจทีดีมีโครงสร้างพื้นฐานที่ยอดเยี่ยม ความสามาถทางการแข่งขันที่สูง ดึงดูดผู้คนได้อย่างดี”ดร.พิสิฐ กล่าว
ทั้งนี้ ดร.พิสิฐ กล่าวว่า การจะสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ดี เพื่อให้เมืองหาดใหญ่เป็นศูนย์กลางการเงินนั้นรัฐต้องใส่เครื่องไม้ เครื่องมือลงไปเช่น เรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษี เรื่องกฎหมายการเข้าเมือง เรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม เรื่อง Data Technology นอกเหนือจากสภาพแวดล้อมอื่นๆ
ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์หากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะพัฒนาเมืองหาดใหญ่เป็น Hatyai International Financial Center อย่างที่เกิดขึ้นหลายแห่งในโลก สำหรับเทคโนโลยีการเงินใหม่ๆ ได้มาพัฒนา ซึ่งเชื่อว่าจะะดึงดูดการลงทุนและคนเก่งๆจากต่างประเทศ และคนหาดใหญ่จะมีโอกาสทำงานด้านฟินเทค สตาร์ทอัพมากขึ้น จะเป็นแหล่งทำรายได้ยั่งยืนให้คนหาดใหญ่ และภาคใต้ ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีรายได้ต่อคนสูงกว่ารายได้จากด้านอุตสาหกรรมหรือเกษตร
ด้าน ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต อดีตซีอีโอ บล. กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจะทำให้ประเทศและหาดใหญ่เป็นเมืองที่จะดึงดูดการลงทุนจะต้องมีความพร้อมในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานให้ครบถ้วน เพื่อให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และความเจริญทั่วประเทศ ไม่ใช่ความเจริญกระจุกอยู่แต่ในกรุงเทพฯ เกิดเป็นระเบียงเศรษฐกิจให้กระจายออกไป เช่น ภาคอีสาน ก็จะเป็น Corridor ด้านการเกษตร กทม.ด้านสุขภาพ เฮลแคร์ ภาคใต้ หาดใหญ่ เป็น Corridor ด้านการค้า การเงินได้.