บาท : สะพานทุน!

การทะลักของทุนใหญ่ต่างชาติจำนวนมหาศาลที่ไหลเข้าไทยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อถือครองเงินบาท ล่าสุดกับการเปิดตัวโครงการ TouristDigiPay ยิ่งตอกย้ำความสำคัญของเงินบาทไทย ในท่ามกลางสงครามค่าเงินของโลก “ดอลลาร์ vs หยวน” ไทยควรจะรับมือกับบทบาทใหม่ ในฐานะ “สะพานทุน” ของภูมิภาคได้อย่างไร? ที่สุด! สิ่งนี้ได้สร้างโอกาสอันยิ่งใหญ่ หรืออาจนำพาไปสู่หายนะภัยอันใหญ่ยิ่งกันแน่???
ท่ามกลางภาวะสงครามภูมิรัฐศาสตร์ ที่มีร่างเงาทมึนจากพื้นฐานของ สงครามการค้าและศึกเงินตราสกุลหลักของโลก กลับมี กลุ่มคน “ระดับบน” ที่คอยบงการหรือมีส่วนร่วมรู้เห็นเป็นใจไปกับ “เกมสงครามในทุกๆ หน้า” บนโลกใบนี้ กำลังหันเห…มาถือครองสกุลเงินบาทของไทย
สิ่งนี้…จะส่งผลดีหรือเสียอย่างไร? ต่อระบบเศรษฐกิจและการเงิน รวมถึงทุกภาคส่วนของไทยเรา…งั้น! มาลองวิเคราะห์จากพื้นฐานข้อมูลสำคัญร่วมกัน
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและการสั่นคลอนของระบบการเงินระหว่างประเทศ ค่าเงิน “บาท” ของไทยกำลังถูกจับตามองในมิติใหม่ที่ลึกกว่าการเป็นเพียงสกุลเงินประจำชาติ
ความเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบของ กองทุนยักษ์ใหญ่ กับการค่อยๆ สะสมเงินบาทในจังหวะที่ตลาดทั่วไปไม่ทันสังเกต และไม่ทันตั้งตัว รวมถึง การเปิดตัว “โครงการ TouristDigiPay” เมื่อวานนี้ (18 ส.ค.2568) ล้วนสะท้อนภาพเดียวกันว่า…
บาทไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือทางเศรษฐกิจระดับประเทศ แต่กำลังกลายเป็น “สะพานทุน” ที่เชื่อมโยงระบบการเงินระดับภูมิภาคและโลกในศตวรรษใหม่!!??
ความเงียบที่แฝงเจตนาบางอย่าง? ของ กองทุนขนาดใหญ่คับโลกใบนี้ เริ่มเผยสัญญาณตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เมื่อพบข้อมูลเชิงลึก ชี้ว่า…มีการซื้อสะสมเงินบาทในระดับที่ผิดปกติ!!!
ท่ามกลางกระแสการ “ขายออก(เงินบาท)” ของผู้เล่นรายย่อยและนักลงทุนทั่วไป ดังนั้น การเคลื่อนไหวที่ตรงกันข้ามนี้ ทำให้เกิดคำถามว่า…
เหตุใด…กลุ่มทุนขาดใหญ่จึงเลือกเดินเกมในมุมที่ต่างออกไป???
คำตอบที่ได้จากการ วิเคราะห์เชิงลึก ก็คือ คนกลุ่มนี้…มองเงินบาทว่าเป็น “สินทรัพย์ราคาถูกก่อนพายุ” การสะสมไว้ในช่วงที่ค่าเงินดูไร้เสถียรภาพ อาจเป็นการวางหมากระยะยาวเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เมื่อกระแสการเงินโลกเปลี่ยนทิศ
ในช่วงเวลาเดียวกัน ข้อมูลการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติที่ปรากฏความผิดปกติ แต่ก็น่าใจหาย เมื่อตัวเลขเหล่านี้…กลับไม่ถูกหยิบยกในสื่อกระแสหลัก
มันอาจบ่งชี้ได้ถึง…สภาวะที่ คลื่นแห่งกระแสเงินกำลังซ่อนอยู่ภายใต้ผิวน้ำ
การที่ นักลงทุนรายใหญ่กำลังหันมาเก็บเงินบาท สวนกระแสการรับรู้ทั่วไปที่ว่าเงินบาทกำลังเสี่ยง
ทำให้ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ชั้นนำบางคน? ที่คอยจับข้องปรากฏการณ์ความเคลื่อนไหวนี้ ประเมินว่า…มันได้สะท้อนถึงศักยภาพของไทยที่มากกว่าตลาดปกติทั่วไปประเมิน!!!
เมื่อขยายกรอบการมองออกไปใน ระดับภูมิรัฐศาสตร์ จะเห็นว่า…ไทยไม่ได้อยู่ในสุญญากาศ หากแต่กำลังอยู่บนทางแยกสำคัญของภูมิภาค โดยเฉพาะในความสัมพันธ์กับจีน
ใน มิติยุทธศาสตร์ ไทยถูกมองว่าอาจเป็นส่วนหนึ่งของ “ดินแดนการเงินใหม่” ที่จีนกำลังขับเคลื่อน การเป็นจุดเชื่อมโยงของเส้นทางเงินทุนในเอเชีย
ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือถูกดึงเข้าไปในเกมสงครามค่าเงินตราระดับโลก ส่งนี้…ล้วนทำให้เงินบาทได้มีบทบาทมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น???
การแข่งขันระหว่างดอลลาร์สหรัฐและหยวนจีน ถือเป็นเสมือน “สมรภูมิใหญ่” ที่ไทยไม่อาจหลีกเลี่ยง ดังนั้น ไม่ว่าไทย…จะเลือกข้างหรือการวางตัวเป็นตัวกลาง ล้วนจะสะท้อนผลต่อค่าเงินบาทโดยตรง
สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าต่อเนื่อง แต่เงินบาทกลับไม่อ่อนตามทฤษฎีการเงินที่ควรจะเป็น สัญญาณนี้สะท้อนถึง “แรงพยุงที่มองไม่เห็น”
อาจเป็น การแทรกแซงหรือการสนับสนุนเชิงโครงสร้างที่ต้องการรักษาเสถียรภาพค่าเงิน เพื่อไม่ให้เงินบาทอ่อนค่าจนเกินไป ภาพนี้สอดรับกับบทบาทเงินบาทที่เชื่อมโยงกับทองคำ ในฐานะ “ดัชนีใหม่” ของความเชื่อมั่น เมื่อผู้คนไม่มั่นใจในเงินกระดาษ พวกเขาหันไปหาทองคำ ขณะที่บาทถูกตีความเป็นตัวแทนความมั่นคงอีกแบบหนึ่ง
บทบาท “สะพานทุน” ของไทย ยิ่งชัดเจนขึ้น!!!
เมื่อมี “สายตา” จากภายนอก มองเข้ามาและเห็นว่า…ประเทศไทยอาจกำลังถูกใช้เป็นช่องทางการเคลื่อนย้ายเงินทุน โดยมีผู้เล่นบางกลุ่มใช้ระบบการเงินไทยเป็น “สะพานลำเลียงทุน” ไปยังปลายทางที่แท้จริง
แม้สิ่งนี้…จะก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ก็ตั้งคำถามต่อความพร้อมของโครงสร้างการเงินไทย หากเกิดวิกฤตซ้ำ ไทยจะรับแรงกระแทกไหวหรือไม่? อย่างไร?
ในจังหวะที่คำถามเหล่านี้…ยังไม่จางหาย อีกด้านหนึ่ง รัฐบาล โดยกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น สำนักงาน ก.ล.ต., สำนักงาน ปปง. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ต่างร่วมกันประกาศเปิดตัว “โครงการ TouristDigiPay” (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่…เปิดตัว TouristDigiPay แปลงคริปโตเป็นบาทจ่ายซื้อสินค้าในไทย หวังกระตุ้นการค้า-ท่องเที่ยว คาดเม็ดเงินเพิ่ม 1.75 แสนลบ.https://yutthasartonline.com/strategies/135979)
สิ่งนี้…ถือว่าได้สร้างแรงสะเทือนครั้งใหม่ในภูมิทัศน์การเงินไทย และเป็นครั้งแรกของโลก!!! ที่ภาครัฐได้เปิดช่องให้สารพัดเงินสกุลคริปโตเคอเรนซีของโลก เข้ามาแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลบาท และใช้จ่ายผ่านการสแกน QR Code ได้รับร้านค้าไซส์ต่างๆ ตั้งแต่ขนาดใหญ่ถึงขนาดเล็กและย่อม ได้ทั่วทุกพื้นที่ของดินแดนด้ามขวานทอง
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้ย้ำถึงเป้าหมายหลักของโครงการนี้คือ การอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถือครองเป็นเงินบาท เพื่อนำไปใช้จ่ายในร้านค้าต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. และธนาคารแห่งประเทศไทย
โครงการ TouristDigiPay ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแทนที่เงินบาทด้วยคริปโต ตรงกันข้าม มันคือการย้ำว่า…ร้านค้าไทยจะยังคงได้รับการชำระเงินเป็น “เงินบาท” ตามปกติ เพียงแต่เพิ่มช่องทางให้ผู้ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจริงได้ง่ายขึ้น
ความเคลื่อนไหวนี้ สะท้อนการปรับตัวของไทยต่อพฤติกรรมใหม่ของนักท่องเที่ยวยุคดิจิทัลที่นิยมครอบครองสินทรัพย์ดิจิทัลและใช้การชำระเงินแบบไร้เงินสด
การดำเนินการในรูปแบบ Sandbox ระยะเวลาทดลองงาน 18 เดือน ที่มาพร้อมกับกลไกควบคุมความเสี่ยงอย่างเข้มงวด ช่วยลดความกังวลว่าระบบจะถูกใช้เป็นช่องทางการฟอกเงิน ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้บาทกลายเป็น “สื่อกลางการชำระขั้นสุดท้าย” (Final Settlement Currency) ของธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล
นักท่องเที่ยวต่างชาติ ต้องขายสินทรัพย์ดิจิทัล (คริปโตเคอเรนซี) เพื่อรับเงินบาทก่อนนำไปใช้จ่าย นั่นหมายถึงอุปสงค์เงินบาทเพิ่มขึ้นโดยตรง
ในเชิงโครงสร้าง TouristDigiPay จึงเป็นปัจจัยบวกต่อค่าเงินบาท เพราะไม่เพียง สร้างความต้องการใหม่ แต่ยังยกระดับภาพลักษณ์ของเงินบาทให้กลายเป็นสกุลเงินที่เชื่อมต่อกับโลกดิจิทัลได้อย่างทันสมัย
การผสานกันระหว่าง…ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการกำกับดูแลชัดเจน ทำให้บาทมีศักยภาพในการแข่งขันกับสกุลเงินหลักในภูมิภาคมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงยังคงมีอยู่ หากโครงการล้มเหลวหรือเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เช่น การรั่วไหลของข้อมูล การใช้โครงการเป็นช่องทางฟอกเงิน หรือการผันผวนที่มากเกินไปจากตลาดคริปโต ฯลฯ
ความเชื่อมั่นในบาทจะได้รับผลกระทบในทางตรงข้ามทันที บาทอาจถูกตีตราว่าเชื่อมโยงกับความเสี่ยงของสินทรัพย์ดิจิทัล และภาพลักษณ์สกุลเงินมั่นคงก็จะถูกสั่นคลอนในทันที!!!
ในภาพรวม TouristDigiPay แสดงให้เห็นทิศทางใหม่ของเงินบาทที่สอดรับกับบทวิเคราะห์ก่อนหน้านี้
เงินบาทไม่ได้เป็นเพียงค่าเงินเล็ก ๆ ที่ไหลไปตามแรงลมของเศรษฐกิจโลกอีกต่อไป แต่กำลังถูกออกแบบให้เป็น “สะพานทุน” ที่รองรับทั้งเงินทุนจากภาคดิจิทัลและเงินทุนจากภูมิภาค!!??
ใน สมรภูมิรบอันดุเดือด! ระหว่าง เงินสกุลหลักสำคัญของโลก อย่าง…ดอลลาร์–หยวน นั้น
บาทอาจไม่ได้เป็นเพียงผู้ตาม แต่มีโอกาสกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่เพิ่มอำนาจต่อรองให้ไทยในเวทีโลก
สิ่งที่ต้องติดตามต่อไป ก็คือ ไทยจะสามารถรักษาสมดุลระหว่างโอกาสและความเสี่ยงได้หรือไม่?
หากทำได้ บาท…จะก้าวขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงทางการเงินในภูมิภาคอาเซียน และเป็นประตูดิจิทัลเชื่อมโลกสู่เศรษฐกิจจริงของไทยอย่างแท้จริง
ในทางกลับกัน ถ้าล้มเหลว!
เงินบาทของไทย…อาจกลายเป็น “เหยื่อ” ในเกมการเงินโลกที่ไร้ความปรานี…
ทว่าครั้งนี้…อาจรุนแรงยิ่งกว่า “เกมต่อสู้การเงินบาท” ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อปี 2540 จนนำไปสู่…วิกฤตต้มยำกุ้ง!!!
น่าสนใจว่า…กับบทบาทใหม่ “สะพานทุน” เงินบาทและระบบเศรษฐกิจของไทย จะรอดหรือร่วง…อีกไม่นานคงได้รู้กัน???
แต่การเตรียมความพร้อมรองรับปากฎการณ์เหล่านี้…ย่อมเป็นความได้เปรียบ! อย่างน้อย…ก็เหนือกว่าคนที่ไม่รับรู้และเตรียมการอะไรไว้เลย
เราเตือนคุณแล้วนะ!!!.