อาชญากรสงคราม!

นาทีนี้ สื่อทั่วโลก รัฐบาลนานาชาติ แม้กระทั่ง องค์กรระหว่างประเทศ ต่างรู้กันทั่วทั้งพื้นปฐพี ว่า…ใคร? คือชนชาติ “ตอแหล – โกหก – โหดสัส” ไร้อารยะ มีพฤติกรรมจงใจ ทำร้ายพลเรือน โดยยิงอาวุธหนักใส่พื้นที่ประชาชน มิต่างจาก…อาชญากรสงคราม!ที่จะต้องถูกโลกลงทัณฑ์ ในเร็ววันนี้…

ไม่ว่า นายฮุน เซน “ผู้นำสูงสุด” ของกัมพูชา จะแอบบินออกนอกประเทศ หรืออยู่กำกับบท…ยิงถล่ม! ฝั่งไทย ในพื้นที่พลเรือน โดยเฉพาะย่านที่อยู่อาศัยของประชาชน ธุรกิจร้านค้า รวมถึงโรงพยาบาล จนมีประชาชนล้มตายและบาดเจ็บจำนวนมาก

และเป็น ฝั่งกัมพูชา ที่โหมโฆษณาชวนเชื่อไปทั่วโลก ว่า…ตัวเองคือประเทศเล็กๆ ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ และเป็นทหารไทยที่ยิงโจมตีกัมพูชาก่อน

คงมีแต่คนกัมพูชา ทั้งในและนอกประเทศเป็นส่วนใหญ่ เท่านั้น…ที่เชื่อ คำโกหก! นี้

ยกเว้น! คนทั่วโลก เพราะพวกเขาสามารถจะเข้าถึงข้อมูล และรู้ดีว่า…ใครเป็นการฝ่ายเปิดศึกษาก่อน? ใครที่ยิงใส่พื้นที่พลเรือน?

และใครที่นำเอาอาวุธหนัก…ปืนใหญ่หลายลำกล้อง BM-21 ไปหลบอยู่ในพื้นที่ชุมชนชาวกัมพูชา เพื่อใช้เป็นฐานยิงใส่ฝั่งพลเรือนไทย?

การใช้ ประชาชนชาวกัมพูชา เป็น “โล่มนุษย์” นั่นเพราะรู้ดีว่า…ทหารไทยจะไม่ยิงใส่ชุมชนพลเรือนอย่างแน่นอน

ถามว่าเรื่องพรรค์นี้ โลกรับรู้หรือไม่? อย่างไร?

ตอบเลย…รู้กันทั่วโลก!!!

ไม่ว่าจะเป็น สื่อชั้นนำของโลก หรือ รัฐบาลของนานาประเทศ แม้กระทั่ง องค์กรระหว่างประเทศ เช่น ยูเอ็น, องค์กรสิทธิมนุษยชน (Human Rights Watch) หรือแม้แต่…อาเซียน ฯลฯ

ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัมพูชา ภายใต้การนำของ นายฮุน เซน “โหดสัส” ไม่สนใจชีวิตมนุษย์ แม้กระทั่ง ในฝั่งไทยจะมีคนไทยเชื้อสายเขมร หรือแม่แต่ชาวเขมรที่ยังคงพำนักอาศัยอยู่ในฝั่งไทย

ล่าสุด กองทัพกัมพูชา เตรียมจะนำ ขีปนาวุธ PHL-03 ซึ่งมีพิสัยยิงระยะไกล 130 กม. มายิงถล่มใส่ฝั่งไทย แต่คงไม่พ้น…พื้นที่ที่ไม่ใช่เขตทหาร (พื้นที่พลเรือนและธุรกิจ)

น่าสนใจว่า…“คนกลาง” อย่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือแม้แต่ อันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำมาเลเซีย ในฐานะ “ประธานอาเซียน” จะรู้อย่างไร?

เมื่อสิ่งที่ “ผู้นำกัมพูชา” ได้ประสานติดต่อมาเพื่อให้เป็น “คนกลาง” ช่วยเคลียร์กับฝ่ายไทย นำไปสู่การหยุดยิงและเจรจาร่วมกัน

แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น! คือ เป็นฝ่ายกัมพูชายังคงระดมยิงกระสุนจากอาวุธหนักใส่พื้นที่พลเรือนของไทย ทันทีในวันรุ่งขึ้น และโจมตีพื้นที่พลเรือนอย่างต่อเนื่อง

ไม่แปลก! หาก ประธานาธิบดีทรัมป์ จะโพสต์ใน Truth Social กล่าวหาว่า…ผู้นำกัมพูชาวขาดความ!!!จริงใจ

ในทำนองว่า “The repeated targeting of hospitals, schools, petrol stations and convenience stores… is a flagrant violation of international law… Cambodia’s actions risk deepening its international isolation and damaging its credibility.” (การกำหนดเป้าหมายโรงพยาบาล โรงเรียน ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อซ้ำแล้วซ้ำเล่า… ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง… การกระทำของกัมพูชามีความเสี่ยงที่จะทำให้ประเทศถูกโดดเดี่ยวจากนานาชาติมากขึ้น และทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศ)

จาก พฤติกรรมและการกระทำของฝ่ายกัมพูชา ภายใต้การนำของ นายฮุน เซน และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ทำให้…รัฐบาลหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ฯลฯ แม้กระทั่ง เกือบทุกชาติในอาเซียน

รวมถึง องค์กรสิทธิมนุษยชนและองค์กรด้านกฎหมายระหว่างประเทศ จะรับรู้ถึงหลักฐานที่ชี้ชัดว่า… กองทัพกัมพูชาเป็นฝ่ายโจมตีไทยก่อน และโจมตี พื้นที่พลเรือน ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น… ชุมชน โรงพยาบาล สถานที่พักผ่อน และสถานีบริการน้ำมัน จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก  

คราวนี้ ลองไปเช็คกันหน่อยว่า…สิ่งที่กองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ทำกับพลเรือนชาวไทยนั้น พวกเขาเสี่ยงต่อการถูกกระทำอะไรและอย่างไรบ้าง???

ความผิดทางกฎหมายระหว่างประเทศ (International Law Violations) อันเป็นผลมาจากการ โจมตีพื้นที่ของพลเรือน โดยการใช้ปืนใหญ่ BM‑21 ยิงเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นที่พักอาศัย ร้านรวง โรงเรียน ไม่เว้นแม้กระทั่ง โรงพยาบาล (รพ.พนมดงรัก)

นับเป็น การละเมิดหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law – IHL) ตาม อนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 4 (Fourth Geneva Convention) ข้อ Article 18 ที่กำหนดห้ามโจมตีโรงพยาบาลพลเรือน และ Article 85(3) ระบุว่า การโจมตีโดยเจตนา ถือเป็น grave breach และเข้าข่ายเป็น war crime หากพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่การโจมตีโดยผิดพลาด  

เนื่องเพราะมีหลักฐานชัดเจนว่า…ฝ่ายกองทัพกัมพูชาเปิดฉากการโจมตีชัดเจนต่อพลเรือนไทยก่อน

Human Rights Watch และกองทัพไทย กล่าวชัดว่า กองทัพกัมพูชา “deliberately bombing hospitals, communities and historical sites” (นี่คือการวางระเบิดโรงพยาบาล ชุมชน และสถานที่ทางประวัติศาสตร์โดยเจตนา) ซึ่งถือเป็น war crimes (อาชญากรรมสงคราม) หากเจตนาโจมตีพลเรือนอย่างมีเจตนา

Human Rights Watch ย้ำอีกว่า…สิ่งที่ฝั่งกัมพูชาทำ นับเป็นการละเมิดกติกาเกี่ยวกับการคุ้มครองพลเรือนในเขตสงคราม ทั้งนี้ การใช้ยุทธภัณฑ์หนักยิงเข้าไปยังชุมชน โรงเรียน วัด ชัดเจนว่าไม่แยกเป้าหมายระหว่างทหารและพลเรือน ถือเป็นละเมิดหลักการ “distinction” และ “proportionality” ตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

สำหรับท่าทีของสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ประสานให้ทั้งสองประเทศ agree to hold immediate ceasefire talks” (ตกลงที่จะจัดการเจรจาหยุดยิงทันที) และเตือนว่าจะระงับ การเจรจาทางการค้าหากความรุนแรงยังดำเนินต่อไป

แต่ กองทัพกัมพูชายังบุกโจมตีครั้งใหม่! หลังเพิ่งพูดกับ ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ไม่นาน นั่นก็หมายความว่า…

การเจรจาไม่เป็นผลทันที! เช่นกัน!!!

สำหรับแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ โดยหากพิสูจน์ได้ว่า ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อน และเป็นการกระทำที่มีเจตนาจะพุ่งเป้าโจมตีกลุ่มพลเรือนและสถานพยาบาลอย่างตั้งใจ

ทั้ง “ผู้นำกองทัพ” รวมถึง นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และนายฮุน เซน “ผู้นำสูงสุด” ของกัมพูชา มีแนวโน้มสูงที่จะถูกดำเนินคดีในข้อหา “อาชญากรสงคราม!!!”

นอกจากนี้ กัมพูชายังอาจถูกลดสิทธิหรือระงับการเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศบางแห่ง โดยเฉพาะในเวที ASEAN

อีกทั้ง ยังเสี่ยงจะถูกตัดความช่วยเหลือจากชาติพันธมิตร กระทั่ง อาจเกิดเป็นแรงต้านจากประชาชนนานาชาติและคนกัมพูชาในประเทศ หากต้องถูกคว่ำบาตรในทางการค้า หรือถูกลดระดับความเชื่อมั่นระหว่างประเทศ

นั่นเป็นแค่…ฉากทัศน์บางส่วนที่ กองทัพและรัฐบาลกัมพูชา รวมถึง “ผู้นำ 2 พ่อลูก” อย่าง…นายฮุน เซน และนายฮุน มาเนต จะต้องเจอหลังจากนี้ไม่นาน!!!

และมีแนวโน้มสูงว่า…อำนาจและบารมีที่ “ตัวพ่อ” อย่าง…นายฮุน เซน สั่งสมไว้ตลอดเกือบ 40 ปี ก็อาจสิ้นสลายลงในพริบตา เพียงแค่ตัดสินใจผิด!

เปิดศึกกับไทย!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password