อย่าเชื่อพวกละแวก! แต่ควรใช้โอกาสนี้ ‘ล้างบาง’ เพื่อชาวโลก

“ละแวก…ก็ดั่งหอกข้างแคร่ ดีร้ายจะลอบตลบหลังเรา ทีเผลอ…คราวพลาด!”  แม้กาลเวลาจะล่วงเลยมากว่า 430 ปี ทว่าสิ่งที่ สมเด็จพระนเรศวร ทรงตรัสถึง “สันดานดิบ” ของพวกละแวก ที่มี “พระยาละแวก” กษัตริย์แห่งกรุงกัมพุช เป็น “จอมทัพ” ก็ไม่ได้แปรเปลี่ยนในทิศทางที่ดีขึ้นมาเลย

จะเพราะสันดานที่ฝังใน “ดีเอ็นเอ” หรือเพราะ “คำสาป” ของกษัตริย์แห่งราชวงศ์ “วรมัน” ในยุคขอมเรืองอำนาจ ก็ตาม…

ทว่าสิ่งนี้…ก็เป็นเรื่องที่คนไทยในวันที่ไม่ได้เรียกตัวเองว่า “ชาวสยาม” อีกต่อไป จำต้องจดจารึกและพึงระมัดระวังให้มาก หากต้องสานต่อกิจกรรมอันใดกับชนเชื้อชาติพันธุ์นี้

ล่าสุด กับ เหตุพิพาทเรื่องพรมแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา หลังจากที่ กองทัพไทย โดย กองทัพภาคที่ 2 ภายใต้การนำของ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ประกาศใช้กฎอัยการศึก กำหนดเวลา “เปิด-ปิด” ในหลายด่านพรมแดนไทย-กัมพูชา รวมถึง ห้ามคนไทยเข้าไปเล่นได้-เสียในบ่อนคาสิโนของประเทศข้างบ้านไทย

ทั้งหมด! เสมอเป็นเพียงแค่มาตรการขั้นต้น…ไล่จากเบาไปหาหนัก

มากสุด…คือ ตัดน้ำ ตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะบริเวณ พรมแดนด้าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ที่จากข้อมูลของ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า มีสัดส่วนของมูลค่าการค้าในปี 2567 มากถึง 63.4% (110,718 ล้านบาท) ของทุกด่าน (5 ด่าน) รวมกัน

ที่สูงมากขนาดนี้ นั่นเพราะ ฝั่งตรงกันข้ามในเขตกัมพูชา (อ.ปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย) ล้วนเต็มไปด้วยธุรกิจสีเทาและดำ โดยเฉพาะ บ่อนคาสิโน การพนันออนไลน์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นี่ยังไม่นับรวม การค้ายาเสพติด และขบวนการค้ามนุษย์

หลายองค์กรระหว่างประเทศ “ตีแผ่” ให้ชาวโลกได้รับรู้ถ้วนกัน ว่า…ธุรกิจผิดกฎหมายที่หลอกลวงคนทั่วโลก เติบโตและเบ่งบานอยู่ในฝั่งกัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณ อ.ปอยเปต แห่งนี้  ล้วนมีทั้ง ญาติสนิท และคนใกล้ชิดกับ “คนโต” ของประเทศ 4 นาฬิกาของไทย เป็น “นายทุน” และ “ส่งต่อ” ผลประโยชน์กลับไปให้ “คนโต” และครอบครัว

คนทั่วโลกคาดเดาได้ไม่ยากว่า…เกือบหรือกว่าครึ่งของรายได้จากธุรกิจผิดกฎหมาย กลายเป็นรายได้ของรัฐบาลประเทศนี้ กันไปแล้ว

นั่นจึงทำให้ กลุ่มนายทุนฯ รู้ไม่สบายใจ หากฝั่งไทยจะทำการ “ตัดไฟฟ้าและสัญญาณอินเตอร์เน็ต” เพราะมันจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจฯของพวกเขา

 ประกอบกับ ท่าทีของ “มหาอำนาจ” อย่าง…จีน ที่ดูเหมือนนาทีนี้…พวกเขาจะไม่สนับสนุนฝั่งกัมพูชา ออกนอกหน้าเหมือนเช่นแต่ก่อนอีกแล้ว จึงทำให้ “ผู้นำจิตวิญญาณ” ที่เคย “ปากแจ๋ว” ประกาศพร้อม “เปิดศึก” กับฝั่งไทย ตลอด 20 กว่าวันที่ผ่านมา จำต้อง…กลับลำ 360 องศา แทบไม่ทันตั้งตัว

ทำเอา “คนเขมร” ที่เคยเชียร์ลั่นสนั่นเมือง เกิดอาการควันออกหู! บางคนถึงประกาศให้ได้ยินดังๆ ว่า “ประชาชนอย่างพวกเขา กลายเป็นเพียง “เบี้ยการเมือง” ของผู้นำฯที่เห็นแก่ตัวและเอาแต่ได้” เท่านั้น

การที่ฝั่งกัมพูชา ยอมศิโรราบ…สั่งถอยและถอนทหารเขมร ออกจากดินแดนไทย พร้อมทำการฝังกลบ “คูเลต” ให้กลับมาเป็นดั่งเดิม แล้วหันมากลับพูดคุยกัน แทนที่จะเปิดสงครามเหมือนที่เป็นก่อนหน้านี้

ก็อยากให้ “รัฐบาลไทย” ภายใต้การนำของ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร รวมถึง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รวมถึง…ผู้นำเหล่าทัพทั้งหลาย โดยเฉพาะ ผู้บัญชาการทหารบก และแม่ทัพภาคที่ 2 พึงสังวรถึงพฤติกรรมอันเป็น “สันดานดิบ” ของคนเขมร เอาไว้ให้มาก

ลองหันไปอ่าน…ประโยคข้อความที่ สมเด็จพระนเรศวร ทรงตรัสถึงข้างต้นให้ดี…

แล้วจะรู้ว่า…ไม่ควรวางใจกับ “คำมั่นสัญญาจอมปลอม” ของชาติพันธุ์เขมร ที่เคยให้ไว้ต่อไทย เพราะพวกเขา…พร้อมจะ แปรเปลี่ยน…สับปรับ…คิดคด…ทรยศ…หักหลัง และใส่ร้าย-ป้ายสี ฝั่งไทยได้ตลอดเวลา นับแต่เสี้ยววินาทีนี้เป็นต้นไป

ไหนๆ กองทัพไทย…ก็เตรียมความพร้อมทั้ง กำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ ถึงระดับนี้แล้ว ก็ควรถือโอกาสสร้างความเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคนี้และในโลกเสียทีเดียว!!!

ด้วยการ…มุ่งขจัด “ปัญหาดำมืด” ที่คนในฝั่งนั้น…จ้องทำร้าย คนไทย ชาวอาเซียน ชาวเอเชีย และชาวโลก รวมถึงทำลายระบบเศรษฐกิจ ธุรกิจ การค้าและการลงทุน รวมถึงปัญหาสิทธิมนุษยชน ของไทยและประชาคมโลก ในคราวเดียวกันเสียเลย…

ถึงวันนั้น เชื่อว่า…คนทั่วโลก แม้กระทั่ง คนกัมพูชา (ที่มีสมอง) จะสรรเสริญ “รัฐบาลไทย” และ “กองทัพไทย” เอง.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password