การเมือง : อภิปรายไม่ไว้วางใจ = เรื่องของผลประโยชน์?

การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์! สำนวนนี้…ไม่มีใครเถียง? แต่การจะยอมรับแบบเต็มร้อยนั้น ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจะต้องเฉลี่ยมายังประเทศชาติและประชาชน หาใช่เกิดขึ้นเฉพาะในแวดวงนักการเมือง และนายทุนธุรกิจการเมืองเช่นที่เป็นอยู่
ปม คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ที่มีมติหนุนให้ ดีเอสไอ รับคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ ก็เป็นเรื่องของผลประโยชน์
หรือ การที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โฟกัสที่ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ในวันที่ 24 มี.ค.2568 ก็เป็นเรื่องของผลประโยชน์
แทบจะทุกเรื่องในทางการเมือง ล้วนเป็นเรื่องของผลประโยชน์ เพียงแต่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการประจำ นายทุนนักธุรกิจ แม้กระทั่ง ภาคประชาชน จะได้กันคนละกี่มากน้อยแค่ไหน?
แน่นอนว่า…หากสิ่งที่ประเทศชาติและประชาชนจะได้รับมีน้อยนิด ไม่คุ้มค่ากับงบประมาณ และวันเวลาที่สูญเสียไป ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น ย่อมไม่คุ้มค่า! เมื่อไม่คุ้มค่า
หมายความว่า…เมื่อมีผู้ได้รับผลประโยชน์ไม่คุ้มกับสิ่งที่ได้ลงทุนลงแรงกันไว้ ย่อมสร้างแรงต้านกันขึ้นมา
กรณี กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทยและเครือข่าย บุกปิดล้อมประตู 4 กระทรวงการคลัง เมื่อช่วงสายวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อยื่นหนังสือให้ รองนายกฯและรมว.คลัง ได้พิจารณาที่จะไม่นำการพนันออนไลน์และคาสิโน บรรจุใน ร่าง Entertainment Complex ที่เตรียมจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
ด้วยเกรงจะเป็นการมอมเมาประชาชน!!!
สิ่งนี้…ในมุมของฝ่ายการเมือง ก็มองเป็นเรื่องของ “นอมินี้” ที่รับงานมาสร้างเกมต่อรองเรื่องผลประโยชน์จากเจ้าของบ่อนพนันผิดกฎหมายและเจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่มที่รับผลประโยชน์จากการแอบเปิดบ่อนพนันผิดกฎหมายในประเทศไทย
ล่าสุด ฟังการให้สัมภาษณ์ของ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงสายวันนี้ (7 มี.ค.) ที่ระบุว่า…การประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล (ครน.) ครั้งที่ 4/2568 ที่ตนเป็นประธานฯนั้น ได้เตรียมการจะนำ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.การประกอบสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์)เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากได้พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนจะทันในวันอังคารที่ 11 มี.ค.หรือไม่? ขอดูรายละเอียดอีก แต่มีแนวโน้มสูงว่าจะทัน
จากนั้น จะส่งร่างกฎหมายฉบับนี้ไปยังวิปรัฐบาล เพื่อประสานนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
นายชูศักดิ์ ยอมรับว่า การต่อต้านของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย อาจส่งผลต่อการปรับเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ. แต่จะต้องดำเนินการในชั้นกรรมาธิการ เนื่องจากได้การรับฟังความเห็นจากกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง มาแล้วก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล
นอกจากฝ่ายต่อต้านที่ รัฐบาลเชื่อว่าเป็น “นอมินี” ของนายทุนบ่อนพนันผิดกฎหมาย แล้ว พรรคฝ่ายค้านเอง ก็ไม่ได้เห็นฟ้องกับรัฐบาล และจะเป็นอีกประเด็นที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน เตรียมจะนำเรื่องนี้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
แน่นอนว่า…ฝั่งรัฐบาลเอง ก็พยายามอย่างยิ่งที่จะ “บล็อก” มิให้ฝ่ายค้านรุมขย้ำ นายกฯแพทองธาร กันง่ายๆ
เรื่องนี้ นายชูศักดิ์ พูดแล้ว…แม้จะยังไม่ได้ข้อยุติถึงจำนวนวันที่จะอภิปราย เพราะต้องรอฟังมติที่ประชุมของวิป 3 ฝ่ายจะตกลงกันอย่างไร? แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว เห็นว่า…การอภิปรายมีเพียงนายกรัฐมนตรีคนเดียว น่าจะใช้เวลาเพียงวันเดียว แต่จะเป็นกี่วัน ขอให้เป็นข้อสรุปจากที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในวันสองวันนี้
“การอภิปรายนั้น สาระสำคัญอยู่ที่เนื้อหาที่จะพูด หากยังพูดเนื้อหาไม่จบแล้วไปปิดก่อน ก็จะเสีย เพราะฉะนั้น ต้องดูว่าเนื้อหามากน้อยขนาดไหน ส่วนที่ห่วงว่าวันเดียวอาจน้อยไปนั้น ก็ต้องดูว่าเนื้อหามีประมาณไหน อภิปรายแบบไหน เช่น หากอภิปรายนายกฯ และโยงไปถึงรัฐมนตรีก็จะมีปัญหาว่า นายกฯ และรัฐมนตรีต้องตอบ ทำให้เวลายืดยาวออกไป ให้ทุกฝ่ายไปตกลงกันก่อนว่าจะเอาอย่างไร ส่วนตัวไม่รู้ว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร เอาที่เหมาะสม และไม่เสียความชอบธรรม” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ
ส่วนที่มองว่า…ญัตติของฝ่ายค้านไม่ได้ระบุว่าจะอภิปรายนายกรัฐมนตรีและคณะนั้น เรื่องนี้ รัฐมนตรีสามารถชี้แจงแทนได้ใช่หรือไม่? นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญมี 2 ประเภท คือ 1.อภิปราย ครม.ทั้งคณะ สามารถพูดได้หมด ตั้งแต่นายกฯ ลงมา และ 2.อภิปรายบุคคล ซึ่งตนดูญัตติของฝ่ายค้าน เห็นว่าเป็นอภิปรายรายบุคคล คือนายกฯ คนเดียว ไม่ใช่ทั้งคณะ ซึ่งหลักทั่วไปตามข้อบังคับที่ทำกันมา จริงอยู่ที่นายกฯ ต้องรับผิดชอบในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่นายกฯ ก็มีสิทธิให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตอบ ที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้ เพราะนายกฯ ไม่ได้ไปบริหารกระทรวงโดยตรง แค่กำกับดูแลการทำงานทั่วไป
“ฝ่ายค้านไม่ได้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีด้วย หากไปอภิปรายพาดพิงถึงรัฐมนตรี ซึ่งตรงนี้จะยุ่ง เพราะในญัตติ ไม่ได้บอกว่าอภิปรายรัฐมนตรีคนนี้ และท้ายที่สุดจะเกิดการประท้วงวุ่นวาย และคนที่ตัดสินเรื่องนี้ได้คือประธานสภาผู้แทนราษฎร” นายชูศักดิ์ กล่าว.