“ทักษิณ” เตรียมลงพื้นที่ ช่วยพท.หาเสียงชิง นายกอบจ.อุดร “ไพศาล” ลุ้น ศาลออกหมายขัง
“ทักษิณ ชินวัตร” เตรียมลงพื้นที่ จังหวัดอุดรธานี ช่วยเหลือ ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ชิง เก้าอี้ นายกอบจ. ขณะ “ไพศาล พืชมงคล” โพสต์ ลุ้น! ศาลไต่สวน-ออกหมายขัง ‘นักโทษเทวดา’ ชี้ ใกล้ตกสวรรค์
วันที่ 9 พ.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากห่างหายไปนาน โดยในวันที่ 13-14 พ.ย. จะลงพื้นที่ช่วย นายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหการส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ในนามพรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งมีกำหนดการดังนี้ วันที่ 13 พ.ย. เวลา 14.05-15.10 น. จะเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ถึงสนามบินอุดรธานี และ เข้าพักที่โรงแรมเซ็นทารา จ.อุดรธานี เวลา 17.30 น. พบปะพี่น้องประชาชน อ.กุมภวาปี อ.ประจักษ์ อ.ศรีธาตุ อ.หนองหาน (บางส่วน) รวมประมาณ 10,000 คน เวลา 19.30 น. รับประทานอาหารเย็นที่ร้านคุณนิด และ เวลา 21.00 น. เดินทางกลับที่พักที่โรงแรมเซ็นทารา
ส่วนวันที่ 14 พ.ย. เวลา 07.00 น. รับประทานอาหารเช้าร้านคิงส์โอชา เวลา 09.30 น. เดินทางถึงบริเวณทุ่งศรีเมืองบ้านดุง ปราศรัยกับพี่น้องชาวอ.บ้านดุง อ.ทุ่งฝน มวลชนประมาณ 8,000-10,000 คน ต่อมาเวลา 12.00 น. รับประทานอาหารเที่ยง ร้านวีทีแหนมเนือง (สาขาถนนรอบเมือง) จากนั้น เวลา 15.30-16.30 น. พบปะพ่อค้านักธุรกิจ ผู้นำท้องถิ่นใน จ.อุดรธานี และเวลา 17.30 น. ปราศรัยกับพี่น้องประชาชนอำเภอเมือง อำเภอหนองวัวซอ (บางส่วน) หนองหาน (บางส่วน) มวลชน 20,000-25,000 คน ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเวลา 21:35-22.35 น.
ด้าน นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์เฟซบุ๊กว่า เทวดาที่ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวใกล้จะตกสวรรค์แล้ว คณะกรรมาธิการความมั่นคงของสภาผู้แทน ได้ตรวจสอบแล้วแถลงเมื่อวานนี้ (8 พ.ย.) ว่า
1.แพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีใครยอมรับแม้แต่คนเดียวว่าได้ตรวจสุขภาพนักโทษ จึงมีการอ้างว่า พยาบาลเป็นผู้ให้ความเห็นส่งตัวนักโทษไปรักษาข้างนอก ซึ่งไม่มีพยาบาลคนไหนยอมรับด้วย และ ความจริงนั้นพยาบาลก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะ รายงานอาการของผู้ป่วย หรือ ตรวจอาการของผู้ป่วย และไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นทางการแพทย์ว่าป่วยหนักใกล้เสียชีวิตจนต้องส่งตัวไปรักษาข้างนอก
2.ประธานกรรมาธิการแถลงว่า ระยะเวลาตั้งแต่อ้างว่า มีอาการป่วย จนถึงเวลาส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจนั้น ใช้เวลาแค่ 4 นาที ซึ่งบอกความนัยว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการตรวจอาการป่วย จึงส่อว่าเป็นการป่วยทิพย์
3.การรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ก็แบบเดียวกัน คือไม่มีแพทย์แม้แต่คนเดียวที่ยอมรับว่าได้ตรวจรักษานักโทษ จึงเท่ากับว่าที่โรงพยาบาลตำรวจนั้นไม่มีแพทย์ดูแลรักษานักโทษเลยแม้แต่คนเดียว และไม่มีข้อเท็จจริงว่ามีพยาบาลดูแลรักษาด้วย
4.หลักฐานสำคัญคือเวชระเบียน ซึ่งไม่ยอมส่งให้แก่ ป.ป.ช. นั้นล่าสุด ทำท่าว่าจะถูกป.ป.ชดำเนินคดีอาญากับผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง และคาดหมายว่าในที่สุด ก็ไม่มีเวชระเบียน เพราะเมื่อไม่มีการรักษา โดยแพทย์แม้แต่คนเดียวแล้ว จะมีการลงบันทึกในเวชระเบียนไม่ได้ เพราะแพทย์เป็นผู้บันทึก ข้อมูลในเวชระเบียน
จากการแถลงทั้งหมดนั้น ทำให้ข้อเท็จจริง ฟังได้ ตามที อดีตผู้บัญชาการตำรวจเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวช แถลงไว้คือไม่ได้ป่วยจริง ถ้าไม่ป่วยจริง การนำตัวออกจากเรือนจำโดยไม่ขออนุญาตศาล ก็เป็นการฝ่าฝืนขัดหมายขังของศาล ฝ่าฝืนพระบรมราชโองการ และไม่ถือว่าถูกจำคุก ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 246 จึงไม่ได้รับผล ให้มีการพักโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ 2567
น่าห่วงว่าจะต้องถูกศาลออกหมายขังอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษา และพระบรมราชโองการที่ให้จำคุกอีก 1 ปี และข่าวคราวที่ดังสนั่นหวั่นไหวในเรื่องนี้ จะถือว่าศาล “ทราบ” ได้หรือยัง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 246
เพราะถ้าถือว่าศาลทราบแล้ว ศาลก็มีหน้าที่ต้องทำการไต่สวน ตามที่กฎหมายได้บัญญัติไว้ ซึ่งศาลสามารถออกหมายเรียก ไปทำการไต่สวนได้เองโดยไม่ต้องมีใครร้อง ว่ามีการนำตัวผู้ต้องขังออกนอกเรือนจำโดยไม่ได้ขออนุญาตศาลจริงหรือไม่ ถ้าจริงศาลก็ต้องออกหมายขัง และหมายจับไปขัง ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลและพระบรมราชโองการที่ให้จำคุก 1 ปีต่อไป
จึงต้องจับตาดูกันว่า นายทักษิณ ชินวัตรบิดาของนายกอุ๊งอิ๊ง จะต้องกลับเรือนจำอีกครั้งหรือไม่ อีกไม่นานเท่าไหร่แล้วก็คงทราบผลเรื่องนี้.