“ตร.ไซเบอร์”บุกตรวจค้นบ้าน “บิ๊กโจ๊ก” หลังพบเชื่อมโยง “พนันออนไลน์”

ตำรวจไซเบอร์ พร้อมกำลังคอมมานโด บุกตรวจค้นบ้าน “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” หลังพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ เบื้องต้นมีตำรวจสัญญาบัตร พลเรือนกว่า 10 คน อยู่ในเครือข่าย.

วันที่ 25 ก.ย.2566 จากกรณี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รรท.ผบก.ทล. สนธิ กำลัง บก.สอท. นำกำลังพร้อมอาวุธครบมือ เข้าตรวจค้น บ้านเลขที่ เลขที่ 9/147 และ 9/148 ซึ่งเป็นบ้านพักของ ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบก.ตร. หรือ “บิ๊กโจ๊ก” ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งหลังสโมสรตำรวจ ซอยวิภาวดีรังสิต 60 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. พร้อมกับเข้าทำการตรวจค้น 30 จุดเป้าหมายในพื้นที่ 6 จังหวัด หลังพบมีส่วนเกี่ยวข้อง การพนันออนไลน์

เบื้องต้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อยู่ในบ้านพัก และปฏิเสธการเข้าตรวจค้น โดยอ้างว่าเป็นรองผบ.ตร. ต้องมีนายตำรวจระดับสูงมาดำเนินการด้วยตนเองเท่านั้น

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวยอมรับว่า ตำรวจมาค้นที่บ้านของตนจริง แต่ยังไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร และโยงเรื่องอะไร แต่ทีมตำรวจที่เข้าค้นแจ้งว่าไม่ทราบว่าเป็นบ้านของตน โดยรอให้ทาง ผบช.สอท. มาพูดคุยรายละเอียด ในระหว่างนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ดูหมายค้นพร้อมกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “กูไม่ให้ค้น ออกไปเลยไป”

อย่างไรก็ตาม เป็นการดำเนินการของชุดปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดยุทธการ Big Cleaning Day กวาดบ้านตำรวจ โดยปูพรมลงพื้นที่ 6 จังหวัดเป้าหมาย ซึ่งพบมีความเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ ได้แก่ จ.เพชรบุรี สมุทรปราการ ขอนแก่น อุดรธานี สระบุรี และ กรุงเทพมหานคร สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 11 คน ทั้งพลเรือน และตำรวจ ในจำนวนนี้ทราบว่าเป็นนายตำรวจทีมงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วย

ขณะที่แนวทางสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทั้งหมด มีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ เนื่องจาก พบเส้นทางการเงินจำนวนหลายล้านบาท ถูกโอนเข้าบัญชีของคนกลุ่มนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเข้าขอตรวจค้นบ้านของ “บิ๊กโจ๊ก” ซึ่งเป็นลักษณะทาวน์โฮม 3 ชั้น เชื่อมติดต่อกัน 2 คูหา ที่หน้าบ้านมีรถจอดอยู่ 3 คัน ได้แก่ รถโตโยต้า อัลพาร์ด สีบรอนซ์ ทะเบียน งค 51 สงขลา, รถแลนด์โรเวอร์ สีเทา ทะเบียน ทม 51 กรุงเทพมหานคร และรถเลกซัส สีขาว ทะเบียน ขพ 51 สงขลา

กระทั่งต่อมาเวลา 08.30 น. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. มาถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงเปิดประตูออกมาต้อนรับให้เข้าไปตรวจค้นด้านในบ้าน โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปด้านใน สำหรับการตรวจค้นครั้งนี้ ทางตำรวจมีข้อมูลพบความเชื่อมโยงกับกลุ่มพนันออนไลน์ หลังตรวจที่บ้านสองหลังแรก ชุดตรวจค้นได้เข้ามาค้นที่ บ้านเลขที่ 9/157 และ 9/158 เป็นบ้านทาวน์โฮม 3 ชั้น 2 หลัง ห่างจากจุดแรก 100 เมตร มีป้าย บริษัท ซี แอนด์ ทู โปรเกรส จำกัด ติดอยู่ที่หน้าบ้านดังกล่าว โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นผู้นำค้นด้วยตัวเอง.

ภายหลังการตรวจค้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการนำหมายค้นมาค้นบ้านพักของตนซึ่งไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอะไร ส่วนลูกน้องของตนใครที่ถูกออกหมายก็ต้องไปต่อสู้กันเอง ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน และ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามที่กล่าวอ้าง แต่เกี่ยวข้องเฉพาะการปราบปรามเท่านั้น แต่อย่างไรเมื่อมีหมายค้น ก็จำเป็นต้องให้ความร่วมมือ ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินต่างๆ ที่เข้าบัญชีตน และลูกน้องยืนยันไม่ได้เข้าบัญชีใคร ส่วนใครที่โดนตามหมายก็จำเป็นที่จะต้องไปชี้แจงต่อไป

ทั้งนี้หากลูกน้องทำผิดก็ว่าไปตามผิดไม่ละเว้นใดๆทั้งสิ้น ยังมั่นใจในการทำงานกับลูกน้อง เพราะทำงานด้วยกันมานาน หากทำผิดจริงคงผิดไปนานแล้ว ไม่หนักใจ ในการเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ เพราะไม่ได้เป็นแคนดิเดตอยู่แล้ว ต้องไปดูระเบียบต่างๆ และไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องการสกัดตำแหน่ง ผบ.ตร. ซึ่งส่วนตัว มองว่า เรื่องนี้หากมีใครผิดก็ต้องเข้าค้นได้ แม้ตนเองจะเป็นรองผบ.ตร.ก็ต้องให้เข้าค้นได้เช่นกัน ส่วนตอนเรื่องเมื่อเช้าที่ไม่ยอมให้ค้น เพราะตนเป็นรอง ผบ.ตร. ต้องให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้ามาตรวจค้น และส่วนตัวไม่ได้กังวลใจว่าจะมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงเข้ามาที่ตนเองเพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ใจ.

สำหรับประวัติ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เกิดเมื่อ 29 ต.ค.2513 ที่ จ.สงขลา เข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) รุ่นที่ 31 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 47 เป็นประธานรุ่น นรต.47

เส้นทางการทำงานของ ร.ต.ต.สุรเชษฐ์ เป็นรองสารวัตร ตั้งแต่ 1 ก.พ.2537 เป็นรองสารวัตรได้ 6 ปี 1 เดือน ได้ขึ้นเป็นสารวัตร และเป็นสารวัตรได้ 4 ปี 8 เดือน ขยับเป็นรองผู้กำกับการ เป็นรองผู้กำกับการอยู่ 4 ปี จากนั้นขยับเป็นผู้กำกับการ ติดยศ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เป็น ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จ.สงขลา โรงพักเกรดเอ โดยขณะนั้น พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9)

พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นผู้กำกับการอยู่ได้ 4 ปี 1เดือน จึงขยับเป็นรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ได้เป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา และยังเป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร จ.สงขลา ส่วนหน้า ดูแลพื้นที่ อ.จะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และเทพา จ.สงขลา 4 อำเภอพื้นที่สีแดงในพื้นที่ต่อเนื่องจังหวัดชายแดนใต้ การอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้รับสิทธินับอายุราชการแบบทวีคูณ แม้อายุยังน้อยแต่อายุงานเพิ่มความอาวุโส ทำให้ก้าวขึ้นเป็น พล.ต.ต. ขณะอายุไม่ถึง 45 ปี

23 ก.ค.2558 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ได้เป็นผู้บังคับการ ประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าประสานนายกรัฐมนตรี ในยุคของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ุม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยทำหน้าที่นายตำรวจประสานงานใกล้ชิด บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลรับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากนั้นขยับเป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ในปี 2558

กระทั่งปี 2559 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ขยับขึ้นเป็นผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 และปี 2560 ซึ่งอาวุโสอยู่ในลำดับที่ 76 ได้รับการเสนอชื่อจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร. ขึ้นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) และโยกมานั่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) และในที่สุดขยับขึ้นมานั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ซึ่งเป็นผู้บัญชาการอายุน้อย ติดยศ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ด้วยวัยเพียง 48 ปี เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการสีกากี

โดยเมื่อ 6 เม.ย.2562 ถูกคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม

กระทั่ง วันที่ 9 เม.ย.2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ขาดจากตำแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิม ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้โอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ก่อนที่จะจะกลับมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสบ 9 ขึ้น ผู้ช่วยผบ.ตร และ รองผบ. ตร. ตามลำดับ

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password