แก๊งค้ายานรกสิ้นท่า! หลังรัฐไทย-เมียนมาบรรลุข้อตกลง “ส่งผู้ร้ายค้ายาฯข้ามแดน” ด้าน เลขาฯ ป.ป.ส.เผย! ประเดิมส่งผู้ต้องหาคนไทยนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ “เจษฎา” หลังหลบหนีกบดานฝั่งเพื่อนบ้าน นับแต่ ก.ค.2559 “ดีเดย์” 9 มี.ค.2566 ตร. เมียนมา นัดส่งตัวฝั่งกลับมาดำนินคดีในไทย

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส. ) กล่าวถึง ความร่วมมือในการส่งตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญที่หลบหนีหมายจับไปซ่อนตัวฝั่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมากลับสู่ประเทศไทย เพื่อรับโทษตามกฎหมาย ว่า สืบเนื่องจากการประชุมทวิภาคีไทย-เมียนมา ครั้งที่ 24 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 23 ก.พ 2566 ที่ผ่านมา ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา  โดยมี พล.ต. ซิน มีน ทัก ผู้บัญชาการตำรวจเมียนมา และเลขาธิการคณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติด (Central Committee for Drug Abuse Control : CCDAC) พล.ต.ต.จัตวา วิน หน่าย (Pol. Brig. Gen. Win Naing) ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดและเลขาธิการร่วม CCDAC และ คณะผู้บริหารของ CCDAC ในส่วนของประเทศไทย มี พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภาค 5 เข้าร่วม

โดยในการประชุมฯ ได้ตกลงถึงความร่วมมือในการส่งตัวผู้ต้องหาชาวไทยที่หลบหนีหมายจับ 1 ราย คือ นายเจษฎา (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติดรายสำคัญระดับสั่งการที่หลบหนีหมายจับไปซ่อนตัวฝั่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สำหรับ ขั้นตอนการดำเนินการส่งตัว นั้น ทางการเมียนมา แจ้งว่า จะส่งตัวผู้ต้องหาในวันที่ 9 มี.ค.นี้ เวลา 12.00 น.ที่ ด่านศุลกากรแม่สาย แห่งที่ 2 จ.เชียงราย ซึ่งตนจะมอบหมายให้ สำนักงาน ปปส. ภาค 5 เป็นผู้ประสานรับตัวเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย  

ทั้งนี้ ในส่วน คดีของนายเจษฎาฯ นั้นเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจยาเสพติดห้วยไร่ สภ.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมด้วยของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 60,000 เม็ด ซุกซ่อนมากับรถยนต์ที่ขับผ่านด่านตรวจยาเสพติดห้วยไร่ จากการขยายผลการจับกุม สามารถออกหมายจับนายเจษฏาฯ ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้าง และนายเจษฎาฯ ได้หนีหมายจับหลบซ่อนตัวตามแนวชายแดนฝั่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและถูกจับกุมตัวได้

เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังกล่าวอีกว่า การประชุมทวิไทย-เมียนมาเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาลและนโยบายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม  ที่ต้องมีความร่วมมือ ร่วมใจ เรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อให้สามารถตัดวงจรยาเสพติดได้เด็ดขาด โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเพื่อสืบสวนขยายผลจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญที่มีบทบาทในประเทศไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา.